ชีวิตวันนี้ของ "ฐิสา"

ผลงานล่าสุด
เล่าถึงละครเรื่อง "รอยอาฆาต" เป็นอย่างไร
"เรื่องนี้จะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนโยน เป็นคนมองโลกในแง่ดี เป็นคนซื่อๆ ค่ะ ด้วยความที่เป็นคนต่างจังหวัดเหมือนสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีพ่อแม่ อยู่กับพี่สาว มีอะไรพี่สาวก็จะคอยจัดการให้ เป็นบทที่ท้าทายอีกแบบหนึ่ง ถ้าพูดถึงคาแรกเตอร์คนอาจจะคิดเราก็เล่นมาหลายเรื่องประมาณนี้ แต่ว่าด้วยความที่มันเป็นแนวสืบสวน ฆาตกรรม ทุกตัวละครจะเล่นให้รู้สึกเหมือนทุกตัวเป็นคนฆ่าหรือเปล่า หรือว่าเป็นฆาตกรหรือเปล่า ก็มีการให้คนดูรู้สึกเอ๊ะ...ใช่หรือเปล่า ก็จะเล่นให้คนดูสงสัยไปอีกแบบหนึ่ง จริงๆ ก็ถือว่ายาก ด้วยความที่เรื่องนี้มันโทนเครียด แล้วเหตุการณ์ค่อนข้างมีเยอะ อย่างตัวเราเองก็จะมีภูมิหลังด้วย มันก็ยากไปอีกแบบหนึ่ง"
ร่วมงานกับ "ออย" ธนา ครั้งแรกด้วย
"ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ พี่ออย (หัวเราะ) ด้วยความที่พี่ออยเขาชิลๆ ตลกๆ เราก็เลยไม่เกร็ง เราก็รู้สึกสบายใจที่ร่วมงานกับพี่เขา ซึ่งหลังจากละครออนแอร์ไป ตอนแรกเราก็ลุ้นนะว่าคนดูจะโอเคไหม ด้วยความที่ช่องเราไม่ค่อยมีละครแนวนี้เท่าไร เป็นแนวที่สืบสวนจริงๆ อาจจะมีบู๊ มีตำรวจบ้าง แต่เรื่องนี้เป็นฆาตกรรม สืบสวนจริงๆ เราก็ลุ้นว่าคนดูจะเข้าใจไหม จะติดตามละครแนวนี้ไหม แต่พอฟีดแบ็กกลับมาคือทุกคนจะถามเรา ใครเป็นฆาตกร เออ...เราก็รู้สึกดีใจ"
ละครเรื่อง "ยอดรักนักรบ" กับ "เวียร์" ศุกลวัฒน์ ถ่ายทำไปถึงไหน
"อันนั้นกำลังถ่ายทำอยู่ จริงๆ ถ่ายตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่ว่าน่าจะได้ดูปีหน้า เรื่องก่อนที่เล่นกับพี่เวียร์ เป็นดราม่า แต่เรื่องนี้จะเป็นคอมเมดี้ ก็จะเป็นอีกคาแรกเตอร์หนึ่ง อีกแนวหนึ่งเลย"

อันไหนยากกว่าระหว่างคอมเมดี้กับสืบสวน
"ถือว่าเป็นอีกบทหนึ่งเลยแล้วกันที่คนดูจะได้เห็น ถามว่า ยอดรักนักรบ ห่างตัวไหม ก็มีมุมคล้ายแต่ก็มีมุมห่างด้วย เพราะก็จะมีบางอย่างที่เราอาจจะไม่เคยได้ทำ แต่ด้วยความที่บทเป็นคุณหมอก็อาจจะต้องมีความน่าเชื่อถือ แต่ว่าด้วยความที่ตัวเรื่องเป็นคอมเมดี้เลยก็สนุกแน่ๆ ค่ะ ไม่ถึงขั้นต้องคิดมุกเอง คือเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นมุกที่แบบตั้งใจเขียนมุก แต่จะเป็นตามเหตุการณ์ตลกๆ ร่วมงานกับพี่เวียร์รอบสองรู้สึกสบายใจ รู้จังหวะ ก็ไม่เกร็ง ทำงานสบายมากขึ้น แต่ว่าอย่างที่บอกด้วยความคอมเมดี้ก็ต้องมาปรับใหม่หมด มาปรับจังหวะเล่นกันใหม่ในตัวละครว่าจะยังไงดี"
กดดันไหม เพราะคาดหวังกับการมาร่วมงานกันอีกในฐานะคู่จิ้น ฐิสา-เวียร์
"พอคนคาดหวัง เราก็กดดัน ก็มีนิดหนึ่ง แต่ว่าเราก็อยากให้คนเข้าใจว่ามันเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้วนะ เป็นละครอีกแนวหนึ่ง อยากให้ลองเปิดใจดูแล้วกัน ไม่ว่าจะมันออกมาเป็นยังไง เราก็ตั้งใจทำออกมาให้คนดูชื่นชอบมากที่สุดเต็มความสามารถในฐานะของนักแสดง"
ได้บทที่หลากหลายมากขึ้น
"อาจจะด้วยความโชคดีด้วยแหละ เหมือนผู้ใหญ่ยื่นบทที่หลากหลายมากกว่าเดิม เราก็ว่าดีนะมีอะไรให้เล่นหลากหลายขึ้น บทที่รู้สึกว่าตัวเองอยากเล่นเพราะมันท้าทายคงเป็นแบบจิตๆ หน่อย หรือว่าคิดอะไรเยอะที่มันมีอะไรอยู่ในใจที่ยังไม่เคยได้เล่น เพราะว่าอย่าง ตะวันอาบดาว ในเรื่องนี้จะสู้คนแล้วก็จะปะทะกับพี่ยุ้ยตลอด เรื่องนี้ก็สนุกอีกแบบหนึ่ง ก็ยังอยู่ในหมวดของคนปกติไม่ได้จิตๆ อะไร"

ชีวิตนอกจอ
ตอนนี้ทำงาน 7 วันเลยใช่ไหม ดูแลตัวเองยังไง
"ละคร 2 เรื่องทำงาน 7 วันเลย แต่เราก็อาจจะเราโชคดีด้วยแหละ เป็นคนกินง่าย หลับง่าย (หัวเราะ) อยู่ในกองละครได้พักจริงๆ ก็คือหลับ"
ครอบครัวยังเป็นห่วงอะไรอีกไหม
"ส่วนมากก็จะห่วงเรื่องสุขภาพนี่แหละ แล้วก็เป็นพวกเรื่องของผิวพรรณ ด้วยความที่เราอาจจะพักผ่อนน้อย แล้วแพ้ง่าย เหมือนบางทีไม่ได้พักก็อาจจะมีสิวบ้าง แพ้บ้าง แล้วก็จะห่วงสุขภาพที่กลัวจะไม่ไหวเพราะทำงานเยอะ คือเราเป็นคนแพ้ฝุ่น แพ้หญ้า คือแพ้ทุกอย่าง แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราต้องเจอกับมันทุกวัน ก็มียาทาที่ต้องเตรียมไว้ตลอด แล้วก็เรื่องการดูแลตัวเองอย่างที่เราสามารถทำได้ การรักษาความสะอาด สิ่งที่เราทำได้ก็ต้องทำไปก่อน ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องพบแพทย์ (หัวเราะ)"
มองเรื่องทำธุรกิจไว้ไหม เพราะงานในวงการอาจจะไม่ยั่งยืน
"คือตรงนี้เราก็คิดไว้อยู่แล้ว เคยมีคุยกับที่บ้านไว้ มองไว้ว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่าง แต่ว่ายังไม่ได้อะไร เพราะด้วยตอนนี้คนทำธุรกิจกันออกมาเยอะมาก ทำให้เรารู้สึกว่าก่อนที่เราจะทำอะไรออกไปจะต้องคิดก่อนว่าจะทำอะไรดี อนาคตถ้าทำธุรกิจเดี๋ยวจะมาบอกแน่นอน"
คิดไหมว่าจะทำงานในวงการบันเทิงนานแค่ไหน
"จริงๆ ถ้าเรายังได้รับโอกาสอยู่ ก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ ตอนแรกที่เราเข้ามาด้วยความที่ยังเด็กเราก็รู้สึกว่าอยากลอง พอ ณ ตอนนี้เรารู้สึกว่ามันก็เป็นอีกงานหนึ่งที่เรารักแล้ว ก็คิดว่าถ้ายังมีโอกาสหรือว่ายังทำไหวก็ทำต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ เพียงแต่ว่าพอเรารู้สึกว่าโตขึ้นเราอาจจะขอดูอะไรมากขึ้น หรือค่อนข้างจะเลือกมากขึ้น ให้งานเหมาะสมกับเรา"
ทุกวันนี้มีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ส่งผลกระทบไหม
"ไม่นะ จริงๆ มันเป็นเรื่องปกติมากเลย คือวงการบันเทิงยังไงก็ต้องมีคนใหม่ๆ เข้ามา เพราะว่าตัวเราแก่ขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องมีน้องใหม่ๆ เข้ามา แต่เราก็คิดว่าเราก็ต้องดูแลตัวเราให้ดี เราก็ต้องมีวินัยในการทำงานของเราเหมือนเดิม แล้วอะไรที่เราสามารถพัฒนาหรือเรียนรู้ได้เราก็ทำ ก็คือมีหน้าที่อะไร ดูแลตัวเองได้เราก็ทำไป ส่วนงานจะมากจะน้อยก็อยู่ที่โอกาสด้วยว่าเขาจะให้โอกาสเราไหม หรือว่าถ้าเรายังอยากจะทำตรงนี้อยู่เราก็ต้องตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด"

หัวใจ (ไม่) ว่าง
ความรักตอนนี้เป็นยังไง หลายคนลุ้นมากกับ "ปั้นจั่น" ปรมะ
"ก็เรื่อยๆ จริงๆ เรื่องนี้เราอาจจะโตขึ้นด้วย เราก็อาจจะคิดไปในอีกรูปแบบหนึ่ง มองอะไรที่มันเป็นอนาคตมากขึ้น ก็คงไม่ได้รีบอะไรกับเรื่องนี้"
ความรักที่ผ่านมาทำให้เรามองมากขึ้น คิดมากขึ้น ใช่ไหม
"คือค่อนข้างเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่องในชีวิต จนบางทีก็รู้สึกว่าเราจริงจังมากเกินไปหรือเปล่า แต่พออายุมากขึ้นคงไม่ได้ไปจำกัดมาก เพียงแต่ตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดี ก็อยากปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเราจะมองอะไรก็คงมองในมุมที่โตขึ้น คงไม่ได้เหมือนเด็กๆ ที่ว่าจะคุยกันไปก่อน จะรักๆ เลิกๆ อะไรอย่างนี้ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเยอะ คิดเยอะๆ"
กับรักครั้งนี้กระแสค่อนข้างกดดัน ฐิสา-ปั้นจั่น ไม่น้อย
"อย่ากดดันหนูเลย (หัวเราะ) อย่ากดดันพี่เขาเลย คือเราก็มองว่าไปเรื่อยๆ ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ ณ วันนี้ถือว่าโอเค"
อีกนานไหมกว่าจะเรียกว่าแฟน เพราะหลายคนคาดหวังกับสิ่งนี้มาก
"อย่างที่บอก อย่ากดดันกันเลย จริงๆ ถ้าถามถึงตัวเราเป็นคนสบายๆ อยู่แล้ว แต่ว่าเราไม่อยากให้กดดันฝั่งพี่เขามากกว่า ด้วยความที่เรายืนอยู่ตรงนี้ ตัวพี่เขาอยู่ตรงนี้ด้วยเหมือนกัน มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนเข้ามาถาม ต้องมีคนคอยจับตามอง แต่เราก็เป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไปแหละที่บางเรื่องก็ต้องใช้เวลา เพราะว่าคนเราทุกคนไม่ได้เกิดมาแล้วเข้าใจกันหมดทุกอย่าง ก็เลยต้องใช้เวลาที่จะศึกษากันเรียนรู้กันไปอย่างนี้ เพราะว่าเราก็คงไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีเรื่องที่ดีทุกวัน หรืออาจจะไม่ดีตามที่คนอื่นบอก ก็เลยอยากให้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปตามธรรมชาติของเราทั้งคู่มากกว่า"
มีภาพไปเที่ยวด้วยกัน แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบ ทำให้โดนเอฟเฟกท์เยอะเหมือนกัน
"สำหรับตัวเราก็ไม่ได้คิดว่าเป็นด้านลบเลยนะ เราไม่เคยมองว่าเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ลบนะ แล้วเราก็ไม่อยากให้คนมองพี่เขาไปทางลบเหมือนกัน คือไม่ว่าจะใครก็ตามเราไม่อยากให้ตัดสินคนอื่นไปก่อนทั้งที่เราอาจจะเพิ่งเคยจะเจอไปแค่ครั้งเดียว หรือว่าเราไม่ได้รู้จักเขาเลย"

ครอบครัวเป็นห่วงแค่ไหนกับเรื่องความรัก
"ที่บ้านรับรู้มาตลอด เรื่องนี้จริงๆ เขาก็ไม่ได้ห่วง เขาสบายๆ ด้วยซ้ำ เขาก็รู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไง ตัวหนูเป็นยังไง เขาเข้าใจ ถ้าตามข่าวเขาก็ไม่ได้มองเป็นแง่ลบด้วยซ้ำ ที่บ้านหนูอ่านข่าวไวกว่าหนูอีก บางทีหนูยังไม่ได้อ่านข่าวเลย เขาก็จะรู้แหละ ถ้าถามว่าลึกๆ ห่วงไหม พ่อแม่ทุกคนห่วงลูกอยู่แล้ว หนูว่าด้วยความที่เราเป็นไปตามธรรมชาติ ถูกต้องสำหรับผู้ใหญ่ก็โอเคนะ"
ณ ตอนนี้ถือว่าโอเคแล้วที่ได้คุยกับปั้นจั่น
"ก็โอเคนะคะ ไปเรื่อยๆ"
มุมมองความรักตอนนี้เป็นยังไง
"เราว่าความรักมันเป็นสิ่งที่ดี เป็นพลังงานที่ดีที่เข้ามาในชีวิต ถ้าหมายถึงความรักแบบหนุ่มสาว ถ้าไม่ได้เป็นความรักแบบครอบครัว เรารู้สึกว่ามันเป็นแรงผลักดันอยากให้เราทำอะไรดีๆ แต่ว่ามันอาจจะมีทุกข์บ้าง สุขบ้าง เป็นเรื่องปกติ เราว่ามันเป็นไปในทางบวกมากกว่า การมีความรักไม่ใช่เรื่องไม่ดี"
นี่แหละ...ชีวิตวันนี้ของ "ฐิสา"