วันนี้ (6 ก.ย.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดี นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ"บิลลี่" ว่า ดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปแฝงตัวเก็บหลักฐานในหลายรูปแบบ บางครั้งเข้าไปในลักษณะนักท่องเที่ยวหรือลักษณะของชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อเก็บข้อมูลและนำมาเชื่อมโยงกับหลักฐานที่มีอยู่แล้ว โดยดีเอสไอทำคดีในรูปแบบของคณะกรรมการ มีอัยการ ตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมการสอบสวน จึงต้องพิสูจน์กันตามพยานหลักฐานและมีผลพิสูจน์ทางดีเอ็นเอที่ชัดเจน
หากขั้นตอนใดไม่ถูกต้องคงไม่สามารถเสนอขอความเห็นต่อคณะพนักงานสอบสวนที่มีหลายฝ่ายเข้าร่วมได้ โดยหลักการในการทำคดีต่างๆ มีพยาน 3 ส่วน คือ พยานเอกสาร พยานบุคคลและพยานวัตถุที่จะนำไปสู่การระบุตัวผู้กระทำผิด
.
พ.ต.อ.ไพสิฐ เผยอีกว่า ดีเอสไอมีพยานหลักฐานมากพอ แต่ยังต้องการให้มีความรอบคอบเพิ่มขึ้น ซึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็ขอเวลาอีก 1 เดือน ในการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกที่เหลืออยู่ คาดว่าจะสรุปสำนวนการสอบสวนได้ภายใน 2-3 เดือน ยืนยันว่าในระหว่างที่พยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ดีเอสไอ จะยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดี อย่างไรก็ตาม หากใครมีข้อมูลเบาะแสสามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วนดีเอสไอ 1202 โดยเจ้าหน้าที่จะปกปิดตัวพยานไว้เป็นความลับ