จากกรณีคนร้าย อายุประมาณ 50 ปี สูงประมาณ 160 เซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ และสวมหมวกแก๊ปสีขาว ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ทำการจี้พนักงานร้านทองออโรร่า สาขาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ในพื้นที่ สน.บางพลัด
โดยบังคับพนักงานภายในร้านให้นำทองรูปพรรณใส่กระเป๋าผ้าที่เตรียมมา คิดเป็นน้ำหนัก 179 บาท มูลค่ากว่า 4,060,000 บาท และเงินสดอีก จำนวน 40,000 บาท ก่อนหลบหนีไป โดยภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพใบหน้าของคนร้ายได้อย่างชัดเจน
โดยทาง พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีที่ สน.บางพลัด พร้อมทั้งเดินทางไปที่ร้านทองออโรร่า สาขาตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ชั้น1 เพื่อตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมกับเปิดเผยว่า
เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ และจอดรถจักรยานยนต์ไว้ด้านข้างของห้าง ก่อนจะเดินมาก่อเหตุ ส่วนกระดาษที่เขียนว่า นี่คือการปล้น แล้วส่งให้พนักงานที่ร้านทอง จะเป็นกระดาษเมนูของร้านอาหาร "ข้าน้อย ขอ ชาบู" ซึ่งเขียนด้วยดินสอ
โดยร้านดังกล่าวอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่า คนร้ายได้มานั่งกินอาหารที่ร้านแห่งนี้ก่อนเกิดเหตุหรือไม่
ทั้งนี้ คนร้ายไม่มีการปิดบังใบหน้าในก่อเหตุ และที่ จ.นนทบุรี ก็มีแผนประทุษกรรมที่คล้ายๆกัน และกำลังตรวจสอบอยู่
รายงานข่าวแจ้งว่า คนร้ายที่ก่อเหตุจี้ร้านทองดังกล่าว ใช้พาหนะเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีแดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยได้นำรถจักรยานยนต์มาจอดใกล้กับทางออกของห้างฯ
ซึ่งเมื่อลงมือก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกจากห้างไปทางถนนสิรินธร (ขาออก) และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนบรมราชชนนี วิ่งตรงไปแยกปิ่นเกล้า ก่อนจะเลี้ยวซ้ายแยกปิ่นเกล้า มุ่งหน้าสะพานพระราม 8 โดยที่ไม่ได้ขึ้นสะพาน
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า คนร้ายได้เคยมาดูลาดเลาที่ร้านทองดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายมานั่งกินอาหารที่ร้าน "ข้าน้อย ขอ ชาบู" ซึ่งเป็นร้านซูชิ และชาบู ก่อนจะเดินไปที่ร้านทอง
โดยบอกกับพนักงานร้านทองว่า ถูกหวยและไม่ซื้อ ก่อนจะกลับมาก่อเหตุ ในช่วงค่ำของวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา