1. โปรตีนแทนเนื้อสัตว์และโปรตีนสายพันธุ์ใหม่
มีการประมาณการว่ามูลค่าการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในปี2561 มีมูลค่าประมาณ 86,648ล้านบาทโดยกลุ่มโปรตีนจากพืช และนมพืช ซึ่งเป็นอาหารทดแทนเนื้อสัตว์ที่ผลิตจากพืชตระกูลถั่วเห็ดและสาหร่ายรวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากพืชเมล็ดถั่วตลอดจนโปรตีนจากการหมักเชื้อจุลินทรีย์มีมูลค่าประมาณ 6,321ล้านบาท
และยังคาดการณ์ว่ามูลค่าการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในปี2562จะมีมูลค่าประมาณ 88,731ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัว 2.4% เมื่อเทียบจากปี 2561
โดยกลุ่มโปรตีนจากพืชและนมพืชจะมีมูลค่าประมาณ 6,725ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัว 6.4%ตามความนิยมบริโภคอาหารโปรตีนสูงเพื่อสร้างสมดุลทางโภชนาการทดแทนเนื้อสัตว์การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงการรักษาสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากการบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์
ส่วนการเกิด "เนื้อไร้เนื้อ หรือ PlantBased Food" จะกลายเป็นเมกะเทรนด์ของอนาคตเนื่องจากเป็นโปรตีนที่ไม่สร้างมลพิษในขั้นตอนการผลิตทั้งยังดีต่อสุขภาพซึ่งเป็นใจความสำคัญของการใช้ชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบันที่โรคต่างๆเริ่มพัฒนาและต่อต้านการรักษาได้มากขึ้นเมื่อประกอบกับการคาดการณ์ถึงภาวะขาดแคลนเนื้อสัตว์อันเนื่องมาจากปัจจัยของสภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่ใช้มีลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเนื้อที่ใช้วิธีการปลูกขึ้นมาจึงจะกลายเป็นอาหารหลักในไม่ช้า
2. ลดน้ำตาล
เพิ่มความหวานที่ดีต่อสุขภาพเพราะกระแสรักสุขภาพของภาคประชาชน และการขึ้นภาษีน้ำตาลของภาครัฐเริ่มส่งผลอย่างเห็นได้ชัดทั้งตลาดอาหารและตลาดเครื่องดื่มที่มีรสหวานเลยต้องลดการใช้น้ำตาลให้มีปริมาณที่น้อยลง มองหาแหล่งความหวานทางเลือกใหม่ที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค และควบคุมต้นทุนการผลิตไปพร้อมๆกันรวมไปถึงการมุ่งผลิตสินค้ารูปแบบใหม่ เพื่อชิงเปิดตลาดสินค้ากลุ่มที่มีรสชาติไม่หวานก่อนแบรนด์อื่น
ในขณะเดียวกัน ก็ใช้งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างความหวานที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความหวานเพื่อความรื่นรมย์ในการทานอาหารอยู่ เช่น การเปลี่ยนโครงสร้างอนุภาคของน้ำตาล เพื่อให้ละลายบนลิ้นได้เร็วกว่าเดิม
ซึ่งผู้บริโภคจะได้รับรสชาติความหวานเท่าเดิม อาหารมีรสชาติเหมือนเดิม 100% แต่สามารถลดน้ำตาลในการผลิตได้มากถึง 40%
ธุรกิจแมลงที่รับประทานได้ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (12,000 ล้านบาท) โดยเอเชียเป็นตลาดหลักในการบริโภคและส่งออก มีสัดส่วนประมาณ 40% ของโลก ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมแมลงเติบโตปีละประมาณ 20% และประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการส่งออกแมลงไปขายทั่วโลก มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำฟาร์มเพาะเลี้ยงซึ่งมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไป