ส่วนกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระบวนการสืบสวนคดีนายบิลลี่เป็นไปอย่างล่าช้า นายสมศักดิ์ บอกว่า ดีเอสไอ เพิ่งรับคดีนี้มาเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2561 และได้มีการดำเนินการสืบสวนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจะบอกว่าช้าหรือเร็วไปคงจะไม่ได้ พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ มวยล้มต้มคนดู และขอให้ทุกคนดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร เพราะส่วนตัวเชื่อมั่นว่าดีเอสไอ จะทำงานด้วยความตั้งใจ เพราะเขาอยากสร้างผลงานให้ออกมาเป็นรูปธรรม ส่วนที่ว่ามวยล้มต้มคนดูไม่น่าจะเป็นไปได้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันได้กำชับให้ดีเอสไอ ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความดูแลและรักษาความปลอดภัยภรรยาของนายบิลลี่ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ เนื่องจากเข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยระบุว่า เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจพิเศษของรัฐมนตรีหรือกระทรวง แต่กรณีของนายสนธิ เข้าหลักเกณฑ์ตามกระบวนการกฎหมายอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวอยากให้ข้อสังเกตว่า นายสนธิ ถูกพิพากษาจำคุก 20 ปี แต่อยู่ในเรือนจำเพียง 3 ปี 1 เดือนเท่านั้น ฟังดูแล้วอาจจะตกใจ แต่นี่คือขั้นตอนปกติ เมื่อผู้ต้องขังมีความประพฤติดี และอยู่ในหลักเกณฑ์การปล่อยตัว ก็จะได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว จึงอยากเน้นย้ำว่า หากนักโทษทำตัวดี ปฏิบัติดี ก็จะได้รับการปล่อยตัวเมื่อถึงเวลาอันสมควร
นายสมศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีนักโทษเสียชีวิตในเรือนจำด้วยว่า ที่ผ่านมาพบการเสียชีวิตของนักโทษในเรือนจำจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นนักโทษใหม่ ตัวเองก็ได้พยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้อยู่พอสมควร ก็เข้าใจว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขนาดของเรือนนอนที่เล็กเกินไป เพราะมีความกว้างเแลี่ย 0.76 ตารางเมตรต่อคน นั่นหมายความว่าเรือนจำมีความแออัดมาก เมื่อนักโทษหน้าใหม่เข้าไปในเรือนจำและไม่มีความคุ้นเคยกับคนเก่า ก็อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งตอนนี้ได้กำชับให้ ผบ.เรือนจำ เข้าไปดูแลนักโทษหน้าใหม่อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีก หากพบว่ายังมีการปล่อยปละละเลยให้เกิดการเสียชีวิตของนักโทษในเรือนจำก็จะมีการลงโทษหรือสั่งย้ายออกจากพื้นที่ต่อไป