'มึนอ' วอน​ DSI​ เร่งหามือฆ่า​ 'บิลลี่'​ ดันกฎหมายอุ้มหาย

4 ก.ย. 62 - ที่หอประชุมหมู่ 6 ตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของนายบิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน ที่หายตัวไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่พึ่งถูกพบซากโครงกระดูกศีรษะในอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ถึงความฝัน ของสามีที่ต้องการออกมาต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชาวกะเหรี่ยง เพื่อที่จะได้กลับไปอยู่ในพื้นที่ใจแผ่นดิน ซึ่งถูกอพยพโยกย้ายลงมา ตั้งแต่ปี 2539 โดยที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ใหม่ ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ และต้องแย่งที่ดินทำกินกับกลุ่มชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิม คือหมู่บ้านบางกลอย

มึนอ บอกว่า บิลลี่รู้ดีว่าการออกมาต่อสู้ครั้งนี้ อาจได้รับอันตรายถึงชีวิต ตนเคยขอให้สามีหยุดการต่อสู้ แต่ในบิลลี่บอกว่า เขาทำดีเพื่อส่วนรวม ถ้าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม ตนจึงไม่รู้จะพูดอะไร และในที่สุดบิลลี่ก็หายตัวไปเป็นเวลา 5 ปี กระทั่งพบโครงกระดูก

มึนอบอกว่า ในช่วงที่รู้ข่าวรู้สึกจุกอก รู้สึกว่าผู้ที่ลงมือฆ่าสามี ไม่ได้มีจิตใจเป็นมนุษย์ เพราะการกระทำมันโหดเหี้ยมเกินไป และในที่นี้ไม่ขอเจาะจงว่าเป็นใคร แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอศพใกล้กับที่ทำการอุทยาน ซึ่งก่อนหน้านี้คิดว่าศพ น่าจะถูกทิ้งไปไกลมากกว่านี้

ทั้งนี้การพบเจอโครงกระดูกของสามีครั้งนี้ยังรู้สึกว่ายังไม่รับความเป็นธรรม 100% ยังเดินมาถึงไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ ตราบใดที่ยังหาผู้กระทำความผิดไม่ได้ อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ค้นหาจนพบโครงกระดูก และคาดว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาฆาตกรต่อไป

ขณะเดียวกัน มึนอ บอกว่า ขอสนับสนุนการออกร่างพระราชบัญญัติป้องกันซ้อมทรมาน-อุ้มหาย ให้สภาได้ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้โดยเร็ว เพื่อจะได้ปกป้องบุคคลที่สูญหายไปจากการต่อสู้เพื่อสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นทนายสมชาย นีละไพจิตร หรือพ่อเด่น คำแร่ ที่หายไปในลักษณะเดียวกันกับบิลลี่

ด้านนายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอทุยานแห่งชาติแก่งกระจาน บอกว่า ช่วงที่เจ้าหน้าที่ DSI ทำหนังสือขออนุญาต ตรวจสอบพื้นที่เพื่อค้นหาหลักฐานการหายตัวของนายบิลลี่ได้เข้าสอบถามกับนายมานะก่อนเกี่ยวกับ ลักษณะกายภาพอุทยาน ว่ามีแหล่งน้ำกี่แห่ง ก่อนจะ นำคณะตรวจสอบ โดยทางมหาวิทยาลัยได้นำหุ่นยนต์ใต้น้ำลงพื้นที่ ใต้สะพานแขวน เพื่อสแกนพื้นที่ครั้งแรกและพบ ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรในการดำน้ำทันที

นายมานะ บอกว่าการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ DSI เป็นไปตามรายงานของ DSI เมื่อวานนี้ โดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทำหน้าที่สังเกตการณ์และอำนวยความสะดวกอยู่รอบนอกเท่านั้น