ช่วงบ่ายวันนี้ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พร้อมด้วย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ วทันยา วงษ์โอภาสี ได้ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน เพื่อติดตามการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดชุมชน โดยนายสนธิรัตน์ ได้หารือ และรับฟังแนวทางการส่งเสริมพลังงานสะอาดเพื่อชุมชน กับนายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม พร้อมด้วยผู้นำชุมชน นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ยังได้ทดลองนั่งเรือไฟฟ้าชมพื้นที่คลองลัดมะยม ด้วย
โดยนายสนธิรัตน์ บอกว่า วันนี้ลงพื้นที่มาติดตามการใช้พลังงานสะอาดในชุมชน เพราะเตรียมจะนำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนเป็นเจ้าของพลังงานเองได้ โดยจากเดิมชุมชนเป็นผู้ใช้พลังงาน ซึ่งถ้าทำให้ชุมชน เป็นผู้ผลิต ก็จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ โดยจะเป็นการใช้พลังงานไปสร้างความเข้มแข็ง และที่ลงพื้นที่คลองลัดมะยมวันนี้ ก็เพื่อติดตามว่า สามารถผลิตไฟฟ้าโซลาร์ลูฟได้หรือไม่ เพราะกระทรวงพลังงาน ต้องการส่งเสริมให้ผลิตไฟฟ้าโซลาร์ลูฟ เนื่องจากเป็นโครงการภายใต้ส่งเสริมกองทุนพลังงาน ซึ่งถ้าเรื่องนี้ผ่านการพิจารณาทั้งหมด ก็จะขับเคลื่อนชุมชนไม่ต่ำกว่า 500 ชุมชน
นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ยังบอกถึงกรณีเตรียมขอประชุมลับในการอภิปรายปมถวายสัตย์ว่า จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ เพราะตามข้อบังคับการประชุมสภาสามารถทำได้ หากเนื้อหาในการประชุมต้องระมัดระวัง หรือ ไม่ควรจะเผยแพร่ แต่ขณะนี้ ยังไม่มีข้อสรุปว่า จะเสนอประชุมลับทันทีหรือให้อภิปรายไปก่อน พร้อมยืนยันว่า ทางรัฐบาลพร้อมชี้แจง แต่การชี้แจงต้องอยู่ภายใต้กรอบการพูดคุยกัน ซึ่งก็อาจจะพิจารณาเรื่องการประชุมลับหากมีความจำเป็น ขณะเดียวกัน ย้ำว่า ไม่ใช้วิธีการปิดปากฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็ทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งคงไม่สามารถปิดปากฝ่ายค้านได้ และขณะนี้ก็ยังไม่ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะเสนอขอประชุมลับว่า จะเป็นรัฐบาล หรือ พรรคพลังประชารัฐ
ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน จะเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังติดปัญหาในหลายประเด็นนั้น นายสนธิรัตน์ บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ ที่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นกรณีศึกษาที่ กกต. ต้องพิจารณาเรื่องนี้ว่ามีความเห็นอย่างไร แต่ยืนยันว่า ไม่เคยคิดว่า จะนำเรื่องนี้มาเป็นโมเดลเพื่อหวังผลทางการเมืองล่วงหน้า เพราะเมื่อยุบพรรคของตนเองแล้ว ก็ต้องหาพรรคสังกัดใหม่ นอกจากนี้ ยอมรับว่า หากมีประเด็นที่เป็นอุปสรรคให้เกิดการดำเนินการทางการเมือง เมื่อใช้รัฐธรรมนูญไประยะหนึ่ง พรรคก็อาจตั้งกรรมการเพื่อศึกษาผลการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้