ผู้สื่อข่าวได้ส่งภาพซากกระดูกสัตว์โบราณ ที่ชาวบ้านพบก่อนนำมาเก็บไว้ที่เก็บไว้ในศาลาการเปรียญ ของวัดอุดมธัญญาวาส ต.หลุมข้าว อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ไปให้ ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจสอบ
ซึ่ง ดร.ประเทือง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบจากรูปถ่ายโครงกระดูกในเบื้องต้น คาดว่าน่าจะไม่ใช่โครงกระดูกของซากช้างดึกดำบรรพ์ เพราะชิ้นกระดูกสันหลังไม่เหมือนของช้าง แต่ใกล้เคียงกับสัตว์ขนาดใหญ่ชนิดอื่น ๆ เช่น แรด หรือควาย เป็นต้น
แต่บางชิ้นที่เป็นกระดูกข้อเท้าก็ใหญ่เหมือนกระดูกช้าง ซึ่งยังฟันธงไม่ได้ว่าเป็นกระดูกช้างดึกดำบรรพ์ ส่วนจะมีอายุกี่ปีนั้น ก็ต้องนำกระดูกมาตรวจสอบดูก่อน ถ้ายังไม่กลายเป็นหินก็จะมีอายุไม่กี่พันปี แต่ถ้ามีอายุเกิน 1 หมื่นปีไปแล้ว กระดูกก็จะเริ่มกลายเป็นหิน ดังนั้นในสัปดาห์หน้า ทางสถาบันไม้กลายเป็นหินฯ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบอีกครั้ง
ดร.ประเทืองฯ กล่าวอีกว่า พื้นที่ จ.นครราชสีมานั้น ในอดีตก็เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์โลกล้านปีจำนวนมาก ต่อเนื่องมาถึงยุคสัตว์ดึกดำบรรพ์อายุหลายแสนปี ถึงหลายหมื่นปี ดังจะเห็นว่ามีการขุดค้นพบโครงกระดูกของสัตว์โลกล้านปีอยู่หลายชนิด
ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีการค้นพบโครงกระดูกช้างดึกดำบรรพ์มากถึง 10 สกุล ที่ ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ์ ดังนั้นถ้าโครงกระดูกที่เพิ่งค้นพบใหม่ ที่ อ.โนนสูง กลายเป็นหินไปแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ในยุคเดียวกันกับโครงกระดูกช้างดึกดำบรรพ์ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ์