ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอคือ ประกันรายได้ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 1 หมื่นบาท เปลือกเหนียว 1.2 หมื่นบาท ข้าวหอมมะลิ 1.5 หมื่นบาท ข้าวหอมจังหวัด 1.4หมื่นบาท ท ข้าวหอมประทุม 1.1 หมื่นบาท โดยใช้วงเงินไม่เกิน2.1 หมื่นล้านบาทในฤดูกาลผลิตนาปี ที่ผลผลิตกำลังจะทยอยเริ่มออกสู่ตลาด
อย่างไรก็ตาม จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการที่นำโดยอธิบดีกรมการค้าภายใน ทั้งเรื่องปาล์มและข้าวประกอบด้วยทั้ง 3ฝ่ายเร่งรีบประชุมดำเนินการคิดค่าส่วนต่าง โดยเอาราคาประกันเป็นตัวตั้งและนำราคาตลาดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่จะตกลงกันเป็นตัวลบแล้วจะได้ส่วนต่างมาเป็นเงินชดเชยที่จะส่งเพื่อนตรงเข้ากับธนาคารของเกษตรกร คือบัญชีเกษตรกรที่ ธกส.ต่อไป ซึ่งเกษตรกรได้มาขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรอย่างถูกต้อง
สำหรับคำถามเรื่องเงินส่วนต่างงวดแรกยอมรับว่าที่ตั้งความเห็นเบื้องต้นไว้ตอนประชุม 3ฝ่ายคือเรื่องปาล์มนั้นเกษตรกรน่าจะเริ่มได้งวดแรกในวันที่ 1 ตุลาคม 2562แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะอนุกรรมการที่จะไปคำนวณตัวเลขในแต่ละช่วงเช่นเดียวกันกับกรณีของประกันรายได้ข้าวก็จะเร่งรัดให้ทันฤดูกาลข้าวนาปีนี้
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับวิธีประมาณการงบประมาณจะคำนวณจากข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี2561 ของกรมส่งเสริมการเกษตร ได้แก่จำนวนเกษตรกร 296,662 ครัวเรือนและพื้นที่เพาะปลูก 4.077 ล้านไร่ สำหรับข้อมูลการขึ้นทะเบียนอยู่ระหว่างการดำเนินการปรับปรุงข้อมูล
ส่วนเรื่องยางพารานั้นอยู่ในขั้นตอนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เบื้องต้นได้มีการประชุมหารือกันระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งฝ่ายที่เกี่ยวข้องขณะนี้อยู่ระหว่างการคำนวณพื้นที่เพาะปลูกและงบประมาณซึ่งคาดว่าจะตามมาเพื่อเข้าครม.ในเร็ววัน