เจาะแผนประทุษกรรม ปล้น "ร้านทองนาทวี"

อำเภอนาทวี เป็น 1 ใน 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เป็นรอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ปรากฏสถานการณ์ความมั่นคง จึงถูกประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคง ไปพร้อมๆ กับอีก 3 อำเภอที่เหลือ เนื่องจากมีเป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์ความไม่สงบคล้ายๆ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ความถี่ ในการก่อเหตุน้อยกว่า ฝ่ายความมั่นคง มีมาตรการคุมพื้นที่ เข้มงวดมากกว่าปกติ แต่ก็มักเกิดเหตุการณ์ "ภัยแทรกซ้อน" และอาชญากรรมขนาดใหญ่ อย่างครั้งนี้
คนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน ใช้รถตู้โดยสารสีขาว แถบเหลือง-ฟ้า เป็นพาหนะขับเข้าปล้นร้านทองสุธาดา ซึ่งเป็นร้านทองขนาดใหญ่ ขึ้นป้ายหน้าร้านว่า "บริษัท สุธาดา กรุ๊ป"ตั้งอยู่กลางตลาดนาทวี แม้การปล้นจะไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่ความเสียหายสูงเพราะคนร้ายก็กวาดเอาทองคำรูปพรรณ และทรัพย์สินอื่นๆ ไปจนเกือบหมดร้านกวาดทองคำไปได้ น้ำหนักรวมราวๆ 1,000 บาท ที่น่าสนใจคือวิธีการปล้น ซึ่งคนร้ายวางแผนมาอย่างซับซ้อนและแตกต่างจากการปล้นร้านทองทั่วๆ
เริ่มตั้งแต่ คนร้าย 3 คน ปล้นรถตู้ โดยสารสาย "ปัตตานี-หาดใหญ่" ในพื้นที่ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ก่อนก่อเหตุปล้นร้านทองที่อำเภอนาทวี โดยคนร้ายมีราวๆ 5-7 คน เกือบทั้งหมดใส่เสื้อสีเขียว ทำให้คล้ายทหาร ทั้งหมดมีอาวุธปืนสงครามครบมือ ส่วนใหญ่เป็นอาก้า บุกเข้าไปในร้านทองสุธาดา ใช้อาวุธข่มขู่ ถอดสายกล้องวงจรปิด และกวาดทองไปเกือบหมดร้าน ก่อนจะหลบหนีโดยใช้รถตู้คันเดิมซึ่งต่อมาถูกพบว่า จอดทิ้งในป่ายางพารา ตำบลท่าประดู่ อำเภอนาทวี ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อ พรมแดนติดมาเลเซีย มีด่านศุลกากรชื่อ "ด่านประกอบ" ตั้งอยู่
สำหรับโชเฟอร์รถตู้คันที่ถูกปล้น ให้การว่า เมื่อวันอังคารที่ 20 สิงหาคม ได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่ง ติดต่อมาขอจ้างเหมารถตู้ ในวันที่ 24 สิงหาคม โดยให้ขับไปรับเวลา 09.15 น. ที่มัสยิดดอนยาง อำเภอหนองจิก เมื่อถึงวันนัด พบชาย 3 คน แต่งกายปกติ สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋า คนเหล่านี้ ให้ไปรับเพื่อนที่บ้านควนคูหา ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก ระหว่างขับรถมุ่งหน้า อำเภอโคกโพธิ์ คนในรถสั่งให้จอดรถ และแสดงตัวเป็นคนร้ายชิงรถไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ทราบข้อมูลคนร้าย โดยเฉพาะคนร้ายทั้ง 3 คนที่เป็น "นกต่อ" นัดรถตู้ เร่งค้นแฟ้มประวัติอาชญกรรมและความมั่นคง คดีนี้กลายเป็นคดีระดับชาติ เพราะคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ ใช้อาวุธสงคราม และปล้นทองไปได้จำนวนมาก หนำซ้ำยังเกิดเหตุในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ