โดยล่าสุด กมลวรรณ ได้เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อกลางดึกวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังเดินทางไปร่วมทดสอบสนามแข่งขันจริง หรือ โอลิมปิกเทสต์ ที่อิโนซิมะ ประเทศญี่ปุ่น โดยหลังจากถึงเมืองไทยเธอก็ได้รับข่าวดี เมื่อทางสมาพันธ์เรือใบโลก ได้แจ้งมายังสมาคมกีฬาเรือใบแห่งประเทศไทย ว่า กมลวรรณ สามารถผ่านคัดเลือกเข้าไปเล่นในโอลิมปิกเกมส์ 2020 จากการแข่งขันเรือใบ "เลเซอร์ เรเดียล วีเม่นส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019" ที่เมืองซาไกมินาโตะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 17-24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ซึ่งผลการแข่งขันจากรายการดังกล่าวนั้น น้องแบม สามารถจบที่อันดับ 52 เดิมทียังไม่ถึงอันดับที่จะได้ตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ แต่ทว่าฟาลาสก้า ลูเซีย จากอาร์เจนตินา ซึ่งจบอันดับ 32 และ มอเรย์ร่า ฟราสชินี่ โดโลเรส จากอุรุกวัย อันดับ 44 สามารถคว้าโควต้าจากการแข่งขัน "แพน อเมริกัน เกมส์ 2019"
ทั้งนี้รายการดังกล่าวนั้นจะถูกนำมานับโควต้าก่อนรายการ "เลเซอร์ เรเดียล วีเม่นส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019" ทำให้อันดับที่จะได้ไปโอลิมปิกเกมส์นั้นเลื่อนลงมาจนถึง กมลวรรรณ และ แมกลิ อากูเอโร่ อิสซาเบลล่า จากกัวเตมาลา คว้าตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ทันที
สำหรับการคว้าตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ 2020 ของกมลวรรณ นับเป็นนักกีฬาไทยคนที่ 3 ที่สามารถคว้าตั๋วได้ ต่อจาก เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬายิงเป้าบินแทร็ปชาย และ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง
ส่วนนักกีฬาเรือใบ ยังเหลือประเภทที่รอควอลิฟาย 5 ประเภท ได้แก่ เลเซอร์ สแตนดาร์ด, 470 (ชาย-หญิง), โฟตี้ไนน์เนอร์ (ชาย-หญิง) ซึ่งจะทำการคัดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562-มีนาคม พ.ศ.2563 ต่อไป
ทางด้านนางนาถฤดี โฆสิตาภัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกิจการองค์กรและกำกับการปฏิบัติตามนโยบาย ปตท.สผ. กล่าวว่า "ปตท.สผ.รู้สึกดีใจที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จของน้องแบมในครั้งนี้ ให้ได้มีโอกาสไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอีกครั้ง "