สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดหั่นคาดการณ์จีดีพีเหลือ 3%

ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย)  ระบุ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ส่งสัญญาณจะใช้มาตรการเพื่อดูแลเรื่องหนี้สินครัวเรือน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศ โดยยอดขายรถยนต์น่าจะได้รับผลกระทบ ประกอบกับในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 น่าจะล่าช้าออกไปเป็นเดือนมกราคมปีหน้าจากเดิมที่น่าจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมปีนี้ สองปัจจัยนี้อาจจะเป็นปัจจัยด้านลบต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี

นอกจากนี้ สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ยังคงส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกและการลงทุน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจึงปรับลดคาดการณ์จีดีพีของไทยในปี 2563 ลงมาที่ 3.5% จากเดิม 4.0% และในปี 2564 จะอยู่ที่ 4.0% จากเดิม 4.5% เพื่อสะท้อนภาพปัจจัยที่ต้องจับตามอง ส่วนจีดีพีปีนี้ได้ปรับลดคาดการณ์ลงมาที่ 3% จาก 3.3% เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีแรกเติบโตได้ต่ำกว่าที่ประเมินไว้

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่าธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ในเดือนกันยายนนี้ 0.25% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกมีทิศทางผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจึงปรับประมาณการอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 2562 ลงมาอยู่ที่ 1.25% จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 1.50% โดยคาดว่า ธปท.จะคงดอกเบี้ยนโยบายในปี 2563 และ 2564

แม้จะปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2562 แต่ยังคาดว่าในครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท. น่าจะเป็นสัญญาณช่วยที่ดี ประกอบกับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายการคลังที่น่าจะส่งผลให้เห็นภาพเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 นี้ นอกจากนี้ ฐานการส่งออกและการท่องเที่ยวที่อยู่ในระดับต่ำในปีก่อนน่าจะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ดีขึ้น