ทั้งนี้ หลังจากเปิดรับสมัครมีผู้ให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันรวมทั้งสิ้น 15 ทีม ทีมละ 3-5 คนซึ่งแต่ละทีมล้วนมีความสามารถ โดยใช้เวลาแข่งขันตามโจทย์ที่กำหนดเป็นเวลา 2 วัน(17-18 ส.ค.2562) จนกระทั่งได้สุดยอดทีมที่เป็นเลิศ สามารถออกแบบโมเดลการใช้ข้อมูลBig Data เพื่อค้นหาโอกาสในการค้าระหว่างประเทศด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้จำนวน 3 ทีม คือรางวัลชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง ทีม "Rial and Friends" จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง ทีม "Salted egg" จากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่สอง : ทีม"คิดไม่ออกบอกสาม" จากธนาคารไทยพาณิชย์ โดยจะได้รับเงินรางวัลรวม160,000 บาท ดังนี้ ทีมชนะเลิศ 80,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 50,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับ2 30,000 บาท
สำหรับทีม "Rial andFriends" จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอหัวข้อเรื่องการนำข้อมูลการค้าระหว่างประเทศมาวิเคราะห์ตามพันธกิจของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพื่อแสวงหาโอกาสและเพิ่มศักยภาพสินค้าในการส่งออกโดยมีรูปแบบการทำงาน คือ การขยายช่องทางการตลาดแก่สินค้าและบริการของไทยพร้อมแสวงหาโอกาสจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนโดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลสถานการณ์ทางการค้าระหว่างประเทศและดูสินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศนั้นดูความต้องการของสินค้าเพิ่มขึ้นหรือลดลงทุกประเทศหรือเฉพาะประเทศไทยเพื่อแสวงหาโอกาสและเพิ่มศักยภาพสินค้าในการส่งออก
ส่วนทีม "Salted egg"จากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เสนอหัวข้อเรื่องการนำเสนอข้อมูลการค้าระหว่างประเทศการขยายตัวของการส่งออกสินค้าศักยภาพและวัฏจักรของสินค้า โดยจะดูอัตราการขยายตัวการส่งออกของไทยและนำมาเปรียบเทียบกับสินค้าศักยภาพโดยจัดกลุ่มตาม HS Code 4digits และดูวัฏจักรการหดตัวและขยายตัวของแต่ละประเทศนำมาเปรียบเทียบกับแนวโน้มของตลาดโลก พร้อมแนะนำตลาดและสินค้าที่ควรจะการส่งออกและสินค้าที่นำเข้าจากทั่วโลกเยอะแต่นำเข้าจากไทยน้อยจะมีวิธีการเพิ่มศักยภาพให้กับสินค้า
ขณะที่ทีม "คิดไม่ออกบอกสาม"จากธนาคารไทยพาณิชย์ เสนอหัวข้อเรื่อง นำข้อมูลการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆโดยการใช้ GDP และ Community Trade และใช้Predictive Model เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์การส่งออกโดยจะนำข้อมูลสินค้าส่งออกของประเทศไทยแต่ละปีที่มีมูลค่าการนำเข้าและส่งออกสูงพร้อมคัดเลือกสินค้าศักยภาพ และหาประเทศคู่ค้าของไทยเพื่อการวางกลยุทธ์ในการส่งออก และเปรียบเทียบกับ Supply ของประเทศแล้วสรุปออกมาเป็นคะแนนเพื่อใช้ในการตัดสินใจ
นางวรรณภรณ์กล่าวว่า ในปัจจุบันทุกส่วนราชการได้มีความตระหนักถึงความสำคัญในการจัดทำฐานข้อมูลและพัฒนาระบบสารสนเทศในส่วนงานบริการต่างๆ เพื่อให้บริการแก่ประชาชนแต่ยังขาดการออกแบบโมเดลหรือแนวคิดในการเชื่อมโยงใช้ประโยชน์ข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกันซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาระบบสารสนเทศเชิงยุทธศาสตร์อัจฉริยะ (BusinessAI) เพื่อช่วยสนับสนุนกระบวนการวิเคราะห์และตัดสินใจดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงเป็นที่มาของการจัดการแข่งขันแฮกกาธอนในครั้งนี้
"กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะนำไอเดียและแนวคิดที่ได้จากผู้ชนะการแข่งขันไปใช้ในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศของไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลพร้อมสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในแต่ละสาขาเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาการให้บริการข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป"นางวรรณภรณ์กล่าว