"ไอติม พริษฐ์" ร่วมเวทีอนาคตใหม่ หนุน "ธนาธร" เต็มที่

          วันที่ 20 ส.ค.เวลา 17.00 น. ที่โรงแรมบุรีศรีภู  อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พรรคอนาคตใหม่ จัดเวทีสานเสวนา ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกันครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ "จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน" ซึ่งเป็นไปตามแคมเปญการรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ 2560 ครั้งที่ 2 
โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ,ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ชายแดนภาคใต้,นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ แพทย์ชนบทนักกิจกรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อมและนายพริษฐ์ วัชรสินธุ นักการเมืองอิสระ โดยมีอาจารย์เอกรินทร์ ต่วนศิริ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นผู้ดำเนินรายการ นอกจากนี้ยังมีภาคประชาชน และนักศึกษาที่สนใจเดินทางเข้าร่วมงานประมาณ 200 คน

          นายธนาธร เปิดเวทีสานเสวนา เริ่มด้วยประเด็น สถานการณ์หรือสภาวะการเมืองที่สำคัญในปัจจุบันผ่านมุมมองบุคคลที่ร่วมเสวนา เริ่มที่ ผศ.ดร.ศรีสมภพ ซึ่งบอกว่า จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ซึ่งชัดเจนว่าไม่รับรัฐธรรมนูญปี 60 ที่สะท้อนออกมาผ่านการโหวตไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะการไม่เท่าเทียมกันทางการเมือง กระบวนการตัดสินใจประชาชนไม่ได้มีโอกาสเข้าถึง 

โดยทุกอย่างถูกควบคุมด้วยกลไกรัฐ นโยบายถูกควบคุมมาจากยุทธศาสตร์ชาติจากส่วนกลาง ความไม่เท่าเทียมกันจึงเป็นปัญหาสำคัญที่ประชาชนเข้าไม่ถึงกลไกรัฐ เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่สามารถแก้ได้

         นายพริษฐ์ กล่าวว่า การเมืองไทยวันนี้ข่าวร้ายคือประชาธิปไตยถูกท้าทายอย่างรุนแรงหรืออีกมุมคือประชาธิปไตยกพลังการถูกคุกคาม เช่น กระบวนการกติกาที่เป็นประชาธิปไตยของไทยที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งเนื้อหาสาระและกติกาซึ่งยอมรับว่า หนักใจกับสภาวะที่สังคมไทยเผชิญดังนั้นการขับเคลื่อนในฐานะนักประชาธิปไตยคนหนึ่งวันนี้คือการหาฉันทามติที่จะมาเป็นกติการ่วมกัน ภายใต้หลักการกติกาที่เป็นกลาง

         ด้านนายธนาธร นำเสนอมุมมองเดียวกันว่า ขอนิยามสภาวะการเมืองปัจจุบันว่ารัฐธรรมนูญวันนี้ทำให้เหตุการณ์รัฐประหาร กลายเป็นสถาบันและเป็นกฎหมาย จากสถานการณ์ที่ชั่วคราวกลายเป็นการครองอำนาจถาวร ที่สร้างความตึงเครียดให้สังคมเข้าสู่การเป็นระเบิดเวลาที่อันตราย  พร้อมยกเอาตัวอย่างของรัฐธรรมนูญ 2540 ที่มีพลังประชาชนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญที่ได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีเป็นรัฐธรรมนูญธงเขียว โดยบอกว่าในช่วงนั้นแม้จะยังไม่ได้เข้าใจการเมืองมาก เพราะยังอยู่แค่มัธยมปลาย แต่รู้สึกได้ถึงกลุ่มคนและพลังความร่วมมือ แต่จากนั้นเป็นต้นมามองว่า 13 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยติดหล่มปัญหาการเมืองจนโงหัวไม่ขึ้น