"ชูวิทย์" ลั่น! อย่าหาว่าสั่งสอน ทำตัวกร่าง "เก่ง เบ่ง ดัง ดับ"

โดยก่อนที่จะเดินทางไปก็ได้มีการประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดไว้แล้ว แต่ปรากฎว่าขณะที่ไปตรวจสอบการก่อสร้างก็พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งรับประทานกาแฟอยู่ในสำนักงานก่อสร้างแห่งนี้ ซึ่งยอมรับว่า เรารู้สึกเหมือนกันว่า เรามาทำงานแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกับนั่งทางกาแฟในที่ดินพิพาทแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตอนนั้นก็มีคำถามว่าตำรวจทำหน้าที่ของเขาหรือยัง หากเขาปฎิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนอยู่ตนจะไม่ยุ่งเลย
"ผมเป็นคนพูดจาเสียงดัง แต่ขอยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าใคร หากเสียงของตนดังเกินไปก็ต้องขอโทษด้วย ผมน้อมรับทุกคำวิจารณ์ แต่นี่คือเนื้องานจริงที่ผมลงพื้นที่ เพื่อคนไทยทุกคน อย่าเพิ่งตัดสินผมเพียงแค่บางช่วงบางตอน ปัญหาของประเทศยังมีอีกมากมาย ที่ต้องลงไปแก้ไข
มีคำถามว่าผมเป็น ส.ส.เขตหลักสี่ ทำไมไปช่วยเหลือนอกพื้นที่ ขอเรียนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นที่นี่ คือความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ถ้าผมรู้ปัญหาและไม่สนใจ ผมทำไม่ได้ ผมต้องช่วยเท่าที่ผมทำได้ ขอบคุณทุกคำแนะนำ คำตำหนิและคำวิจารณ์ ผมยินดีรับฟังและพร้อมปรับปรุงแก้ไข และขอขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ให้กำลังใจ" นายสิระ กล่าว

ล่าสุด "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึง ส.ส.ทำตัวกร่าง โดยระบุว่า...
ส.ส. หน้าใหม่ แต่ทำตัวเก่า

เมื่อเข้าสภา เป็น ส.ส. สมัยแรก เหมือนถูกผีสิง แบบเดียวกับคนเดินเข้าบ่อนคาสิโน พฤติกรรมจะเปลี่ยนไป จากคนธรรมดากลายเป็นของเข้า ทำตัวเป็นคนละคนกับตอนไม่ได้เป็น ส.ส.ชาวบ้านเขามักนินทากันว่า พอเป็น ส.ส. แล้วหาตัวยาก ไม่เหมือนตอนหาเสียง เรียกเมื่อไหร่ก็มาอย่าหาว่าสั่งสอน ถือเสียว่าประชาชนผู้ลงคะแนนอย่างผมแนะนำก็แล้วกัน1. อย่าทำตัวกร่าง "เก่ง เบ่ง ดัง ดับ" เป็นสุภาษิตที่ควรระลึกไว้เสมอว่า เก่งได้ แต่อย่าเบ่ง เพราะเมื่อเบ่งแล้วมันจะดัง ตามมาด้วยดับ2. ประเทศไทยไม่ใช่ของคุณคนเดียว อย่าคิดจะพลิกฟ้าด้วยฝ่ามือ องคาพยพการบริหารราชการแผ่นดินมีทั้งข้าราชการประจำ กลุ่มผลประโยชน์ และมวลชน ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่ทำไม่มีแผลเบื้องหลัง ไม่ใช่ทำไปทำมาที่แท้พวกกูทำได้ แต่พวกมึงทำไม่ได้ จะถูกย้อนศร3. เป็นผู้แทนใช้ปากทำประโยชน์ โน้มน้าวให้เขาเข้าใจ และช่วยให้สำเร็จ ไม่ใช่เอาปากไปชวนเขาทะเลาะ เพราะผู้ลงมือปฎิบัติคือข้าราชการประจำ หากเขาไม่ให้ความร่วมมือ ก็ยากที่จะสำเร็จส.ส. มีระยะเวลาจำกัด มาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว อย่าทำอะไรตามใจตัวเอง ข้าราชการประจำอยู่มานาน รับราชการมาทั้งชีวิต มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ย่อมรู้ทิศทางดีว่าอะไรเป็นอะไร คงไม่อยากเสี่ยงแบบ ส.ส. ที่มาเร็ว ไปเร็วส.ส. ใหม่ แปรสรรพนามจาก "คุณ" เป็น "ท่าน" ในชั่วเวลาแค่พริบตาเมื่อก้าวเข้าสู่สภา อย่าได้ไปหลงตัวเองให้มากนัก เพราะแม้จะเป็นคนเด่น คนดัง คนยกย่องเชิดหน้าชูตา ไปงานไหนเขาก็เชิญให้เป็นประธาน ไม่ว่า งานบวช งานตาย งานแต่งแต่เป็นเพียงเปลือกนอก หมดวาสนายุบสภาก็ตกสวรรค์ ตั๋วเครื่องบินที่สภาเคยจ่ายให้ก็ต้องจ่ายเอง คนติดตามก็หายหน้า เงินเดือนก็ไม่มีให้อย่างว่าล่ะครับ จู่ๆ เหมือนสามล้อถูกหวย มานั่งเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี ก็ต้องมีทีมงานพรรคพวกมานั่งเหมาเก้าอี้ ร่วมทำมาหากิน เอาไปต่อยอดตอนเลือกตั้งสมัยหน้ามันจึงหน้าด้านหน้าทน มือยาวสาวได้สาวเอา ได้เอาไปฝากเมีย เสียขอยกให้คนอื่น