"กนก" แนะ ท่าน "ส.ส.เสียงดัง" คราวหลังลดเสียงลงมาเรื่อยๆ สักวันก็เป็นคนปกติ

กรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐปะทะคารมกับตำรวจระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการรุกป่า ที่ จ.ภูเก็ตว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนและ ส.ส.อีก 7 ท่านได้เดินทางไปตรวจสอบการก่อสร้างที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้านในอำเภอกะรน ว่าการก่อสร้างอาคารชุด หรือ คอนโดมีเนียม เป็นที่พักอาศัย บนที่ดินที่ได้เอกสารสิทธิ์ไม่ชอบตามกฎหมาย ตนก็ตั้งใจไปทำงานเพื่อหวังที่จะทวงคืนที่ดินของประเทศกลับคืนมาจากกลุ่มนายทุน
โดยก่อนที่จะเดินทางไปก็ได้มีการประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดไว้แล้ว แต่ปรากฎว่าขณะที่ไปตรวจสอบการก่อสร้างก็พบ เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งรับประทานกาแฟอยู่ในสำนักงานก่อสร้างแห่งนี้ ซึ่งยอมรับว่า เรารู้สึกเหมือนกันว่า เรามาทำงานแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกับนั่งทางกาแฟในที่ดินพิพาทแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตอนนั้นก็มีคำถามว่าตำรวจทำหน้าที่ของเขาหรือยัง หากเขาปฎิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนอยู่ตนจะไม่ยุ่งเลย
"ผมเป็นคนพูดจาเสียงดัง แต่ขอยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าใคร หากเสียงของตนดังเกินไปก็ต้องขอโทษด้วย ผมน้อมรับทุกคำวิจารณ์ แต่นี่คือเนื้องานจริงที่ผมลงพื้นที่ เพื่อคนไทยทุกคน อย่าเพิ่งตัดสินผมเพียงแค่บางช่วงบางตอน ปัญหาของประเทศยังมีอีกมากมาย ที่ต้องลงไปแก้ไข
มีคำถามว่าผมเป็น ส.ส.เขตหลักสี่ ทำไมไปช่วยเหลือนอกพื้นที่ ขอเรียนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นที่นี่ คือความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ถ้าผมรู้ปัญหาและไม่สนใจ ผมทำไม่ได้ ผมต้องช่วยเท่าที่ผมทำได้ ขอบคุณทุกคำแนะนำ คำตำหนิและคำวิจารณ์ ผมยินดีรับฟังและพร้อมปรับปรุงแก้ไข และขอขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ให้กำลังใจ" นายสิระ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด"กนก รัตน์วงศ์สกุล"ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง

ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีใจความระบุว่า...
ภาพมหามงคล..เตือนคนให้นอบน้อมสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเยี่ยมภิกษุสามเณรและประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 5 จังหวัด ระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน พ.ศ. 2532พระองค์เสด็จสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อกราบท่านพุทธทาส ที่เคยเป็นอาจารย์กรรมฐานมาก่อนตอนนั้นท่านพุทธทาสยังไม่ได้อาพาธหนัก ยังออกมารับเสด็จได้เป็นชั่วโมง ท่านนำเสด็จมาประทับที่ม้าหินหน้ากุฏิ ที่ปกติท่านพุทธทาสนั่งประจำ ท่านทูลสมเด็จพระสังฆราชให้ประทับ แล้วท่านก็ไม่ยอมนั่งท่านพุทธทาสทูลว่า "ขอประทานกราบสมเด็จพระสังฆราช ที่เสด็จมาเยี่ยมถึงวัด"สมเด็จฯ ทรงพยายามห้าม เพราะท่านพุทธทาสอายุมากกว่า 7 ปี แต่ท่านก็ไม่ยอม จึงมีภาพต่างคนก็ต่างกราบเมื่อครั้งในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาแต่งตั้ง "สมเด็จย่า" ให้ขึ้นเป็น "สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" ก็เผอิญมีงานหลวง ที่ทั้งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในรัชกาลที่ ๙ จะเสด็จฯ แต่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จถึงก่อนเมื่อเสด็จตรงไปที่ประทับ ก็ทอดพระเนตรเห็นเก้าอี้ประทับ 2 ที่เหมือนๆกัน แต่ที่ประทับที่หนึ่งขยับตัวเยื้องมาอยู่ด้านหลัง ไม่เท่าเทียมกันด้วยเพราะบ้านเราไม่เคยมียศตำแหน่ง "ศรีนครินทรา" มาก่อน พระองค์จึงตัดสินพระทัยไม่ถูก ไม่ทรงทราบว่าจะประทับที่ใดดีด้วยความ "อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า" ในความงดงามของการเป็นคนไทย สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี จึงทรงประทับลง ณ เก้าอี้ที่ตั้งถัดเยื้องมาข้างหลังสักพักสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จมาถึง ก็ทรงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีทรงประทับ ณ พระที่นั่งที่ตั้งอยู่ข้างหลังคนที่มาร่วมงานทั้งหมดต้องตกใจเมื่อเห็น "สมเด็จย่า" ทรงทรุดองค์ลงประทับกับพื้นทันใด แล้วทรงหมอบกราบสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พร้อมตรัสว่า"หากสมเด็จฯ ไม่ทรงประทับที่เก้าอี้ตัวหน้า หม่อมฉันก็จะนั่งอยู่กับพื้นนี่แหละ จนกว่าจะเสร็จงาน"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีก็ทรงตกพระทัยเช่นกัน ที่สมเด็จย่าทรงประทับหมอบลงกับพื้น ท่านจึงตรัสกับนางสนองพระโอษฐ์สั่งให้เจ้าหน้าที่มาเลื่อนเก้าอี้ทั้ง 2 ที่ประทับให้มาตั้งเคียงเสมอกันแต่สมเด็จย่าก็ยังไม่ทรงยอมอยู่ดี ตรัสขอให้อย่างน้อยที่ประทับของท่านเองนั้น ต้องเยื้องมาอยู่ที่ด้านหลัง หรือ "อ่อนกันไว้ก่อนดีกว่า"ดูเอาเถอะครับ (ท่าน ส.ส.) ทุกคนที่มีตำแหน่งแห่งหนในปัจจุบัน เคยยึดคติ "อ่อนกันไว้ก่อน" หรือไม่หรือแม้มีตำแหน่งเพียงนิด (แต่ตนเองนึกว่าใหญ่) ก็มักยกตนข่มท่าน อวดเบ่งคนอื่นภาพที่หลายท่านคงเคยผ่านตาเวลาเล่นไลน์ เป็นภาพ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ทรงลดพระองค์ลงไปเสมอราษฎรสูงอายุคนหนึ่ง พร้อมคำกลอน..ยิ่งสูง ยิ่งนอบน้อม
ยิ่งพรั่งพร้อม ยิ่งถ่อมตน
ยิ่งมี อำนาจล้น
ยิ่งถ่อมตน คนจึงเกรงเป็นที่ทราบกันดีว่า ด้วยความรักเทิดทูนและยกย่อง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ กษัตริย์จิกมี จึงทรงเดินตามรอยพ่อหลวงของปวงชนชาวไทยเป็นพระมหากษัตริย์ ที่มีบัลลังก์เสมอพื้นดินยิ่งมีอำนาจมากเท่าไหร่ ยิ่งอยู่สูงเท่าไร
ยิ่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นความอ่อนน้อมนี่เอง จะสามารถถ่วงน้ำหนัก
ทำให้เท้าของเราติดดิน
ไม่ลอยขึ้นฟ้าจนลำพองใจเก่งได้ แต่อย่าอวดเก่ง
ภูมิใจได้ แต่อย่าให้มากถึงขนาดหลงตัวเองคนหลงตัวเอง ก็คือ คนแพ้ตัวเอง
คนที่แพ้ตัวเอง ก็คือ คนที่แพ้ทุกสิ่งทุกอย่าง"เจ้าของบริษัท" ยกมือไหว้ "ลูกน้อง" ที่มีอายุมากกว่า
ไม่วางมาดเหมือนเป็นเจ้าชีวิตของพนักงาน
เป็นภาพที่งดงามยิ่งสูงยิ่งต้องโน้มลงต่ำ
ยิ่งเป็นผู้นำ ยิ่งต้องทำตัวติดดินเป็นหัวหน้าคนต้องนั่งในใจ
ไม่ใช่นั่งบนหัวคนเอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้แหละท่าน ส.ส.เสียงดัง
คราวหลังลดเสียงลงมาเรื่อยๆ สักวันก็เป็นคนปกติ
ข่าวข้น คนเนชั่น
20.15 น.
รายการLineกนก
ตั่วตั่วเปา
NationTV 22