คณะรัฐมนตรีจีนประกาศแผนการปฏิรูปรอบด้านในเมืองเซินเจิ้น ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศ โดยตั้งเป้าพัฒนาทั้งในด้านกฎหมาย การเงิน การแพทย์ สังคม และจะเป็นต้นแบบให้กับการพัฒนาเมืองอื่นๆ ในประเทศอีกด้วย ภายใต้แผนปฏิรูปนี้ เซินเจิ้นจะกลายเป็นเมืองต้นแบบที่มีการพัฒนาอย่างมีคุณภาพระดับสูง เป็นแบบอย่างของอารยธรรมและความสงบเรียบร้อย ตลอดจนความพอใจและความยั่งยืนในสังคม นอกจากนี้เซินเจิ้นจะเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรม การบริการสาธารณะ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมภายในปี 2025 และเป็นเมืองที่มีศักยภาพด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลกภายในปี 2035 รวมทั้งเป็นเมืองที่มีความสามารถแข่งขัน นวัตกรรม และอิทธิพล อันดับต้นๆของโลกภายในช่วงกลางศตวรรษที่ 21
ทางรัฐบาลจีนจะกระตุ้นให้องค์กรและธุรกิจขนาดใหญ่ระหว่างประเทศเข้ามาตั้งสำนักงานหรือสาขาในเซินเจิ้น โดยจะผ่อนปรนกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ที่จำเป็น รวมถึงอนุญาตให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้การกำกับดูแลจากพรรคคอมมิวนิสต์ นอกจากนี้จีนยังมีแผนบูรณาการด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเซินเจิ้นกับฮ่องกงและมาเก๊าภายใต้โครงการ "Greater Bay Area" ที่จะมีอีก 8 เมืองในในมณฑลกวางตุ้งของจีนเข้าร่วม ซึ่งพิมพ์เขียวของโครงการนี้ได้มีการเปิดตัวมาตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
ด้านหนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทมส์ของทางการจีน รายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่เตือนว่า หากฮ่องกงไม่พร้อมรับโอกาสเข้าร่วมการพัฒนาของจีน ฮ่องกงจะพัฒนาได้อย่างจำกัดมากในอนาคต ขณะที่เซินเจิ้นจะพัฒนาด้วยฝีเก้าที่รวดเร็วกว่าแต่สื่อฮ่องกงรายงานอ้างผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่ให้ความมั่นใจว่า เซินเจิ้นจะยังไม่สามารถแทนที่ฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศได้ เพราะฮ่องกงยังมีข้อได้เปรียบมากกว่าทั้งในแง่การควบคุมทางการเงินและระบบกฎหมาย