เยสลี่ย์ อารานด้า หนุ่มเวเนซุเอล่า ซึ่งสูญเสียขาไปข้างหนึ่งจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ออกเดินจากบ้านตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว พร้อมด้วยเป้สะพายหลัง ขาเทียมที่ทำจากอลูมิเนียม และเงินติดกระเป๋าอีก 30 ดอลล่าร์
และเมื่อวันเสาร์ หนุ่มวัย 57 ปี ก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งก็คือเมือง อูขัวยา ในอาร์เจนติน่า ที่ถือกันว่าเป็นเมืองที่อยู่ทางใต้สุดของโลก อดีตคนขับรถบัสบอกว่า เขาอยู่ได้ด้วยความฝัน ข้อความที่เขาอยากจะสื่อไปถึงผู้คนก็คือให้ไล่ตามความฝันของตัวเอง และพิชิตมันให้ได้
อารานด้า ปิดฉากการเดินทางไกลของเขาในขณะที่เพื่อนร่วมชาติอีกจำนวนมาก ออกเดินทางอย่างสิ้นหวังเพื่อทิ้งประเทศที่กำลังย่อยยับเพราะปัญหาวิกฤติ แต่เจ้าตัวบอกว่าการเดินทางของเขาแตกต่างจากคนเหล่านั้น เขาต้องการเป็นแรงบันดาลใจของเพื่อนร่วมชาติหลังจากที่เคยเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว
หลังสลบอยู่ 15 วัน และถูกตัดขาพร้อมกับลูกสาวที่ประสบอุบัติเหตุร่วมกันกับเขา อารานด้าเริ่มเดินด้วยไม้เท้าไปตามสถานที่ทางศาสนาทั่วเมืองบ้านเกิด เพื่อขอบคุณต่อพระเป็นเจ้าที่ทำให้เขามีชีวิตรอด
สำหรับการเดินทางไกลครั้งนี้ เขาหวังที่จะเป็นกำลังใจให้ลูกสาวของเขา ที่ตอนนี้ยังไม่ได้รับขาเทียมด้วย ระหว่างการเดินทางไกล 9 พันไมล์ หรือกว่า 1 หมื่น 4 พันกิโลเมตร ขาเทียมและรองเท้า เขาได้มาจากผู้ที่บริจาคช่วยเหลือ เขาหาเงินสำหรับใช้จ่ายด้วยการขายสร้อยข้อมือ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ได้รับการช่วยเหลือทั้ง เรื่องที่พักและอาหารจากคนแปลกหน้าที่พบระหว่างทาง และในเส้นทางที่อันตรายสำหรับการเดินของคนพิการ เขาก็อาศัยโบกรถเอา