"ทรัมป์" แก้บทกวี "เทพีเสรีภาพ" หนุนกีดกันผู้อพยพยากจน
เทพีเสรีภาพที่ตั้งตระหง่านอยู่ในนครนิวยอร์กมาเป็นเวลานานกว่า 130 ปีนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงค่านิยมพื้นฐานของชาวอเมริกัน นั่นคือ การอ้าแขนต้อนรับผู้อพยพจากทั่วโลก โดยไม่คำถึงฐานะ สีผิว เชื้อชาติ หรือศาสนา แต่ล่าสุดรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีการบิดเบือนบทกวีของเทพีเสรีภาพให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่ของตัวเองซึ่งถูกมองว่ากีดกันผู้อพยพที่มีฐานะยากจน
ในการให้สัมภาษณ์ทางวิทยุเมื่อวานนี้ เคน คุชชิเนลลี รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานบริการพลเมืองและตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ถูกถามว่า นโยบายผู้อพยพใหม่ของเขายังคงสอดคล้องกับบทกวี The New Colossus ของเอ็มมา ลาซารัสที่ปรากฎอยู่บริเวณอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพหรือไม่ ซึ่งวรรคทองของบทกวีดังกล่าวก็คือ "จงส่งผู้เหนื่อยล้าผู้ยากไร้มาเถิด มวลชนผู้เบียดเสียดโหยหาเสรี"
ปรากฎ คุชชิเนลลี ได้บิดเบือนเนื้อหาของบทกวีดังกล่าว โดยเติมอีก 2 วรรคเข้าไปในตอนท้ายว่า "ผู้ยืนหยัดด้วยสองเท้า ไม่พึงเป็นภาระสังคม" สะท้อนถึงนโยบายใหม่ด้านผู้อพยพของรัฐบาลทรัมป์ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันจันทร์และจะมีผลในเดือนตุลาคมนี้ โดยเน้นจำกัดผู้อพยพที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภาครัฐ และอาจลดจำนวนผู้อพยพถูกกฎหมายลงถึงครึ่งหนึ่ง ทำให้ถูกวิจารณ์ว่า เป็นการกีดกันผู้อพยพเพียงเพราะเรื่องฐานะ นอกจากนี้คุชชิเนลลียังให้สัมภาษณ์ในภายหลัง บอกว่าบทกวีนี้หมายถึงผู้อพยพที่มาจากยุโรปเท่านั้น ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ตามมาอีกว่า นอกจากจะเหยียดคนจนแล้ว รัฐบาลทรัมป์ยังเหยียดผิวด้วย
ล่าสุด หลังกลายเป็นประเด็นร้อน ทรัมป์ได้ออกมาชี้แจงว่า นโยบายใหม่ด้านผู้อพยพเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด "อเมริกา เฟิร์สท์" และเขาคิดว่าการที่ชาวอเมริกันต้องเสียเงินภาษีเพื่อมาอุ้มคนที่เพิ่งเข้ามาในสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมคาดว่านโยบายใหม่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่กำลังยื่นเรื่องขอต่ออายุวีซ่า,กรีนการ์ด, หรือขอสัญชาติอเมริกัน แต่จะไม่กระทบกับผู้ลี้ภัยและผู้ที่ได้รับอนุญาตให้พำนักในสหรัฐฯ เป็นการถาวรแล้ว