14 ส.ค. 62 - ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคใต้ ในโครงการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ สุ่มเก็บตัวอย่าง "แกงไตปลาแห้ง" จำนวนทั้งหมด 15 ตัวอย่าง จากตลาดสดและร้านขายของฝากในภาคใต้ ส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารกันบูดประเภทกรดซอร์บิก และกรดเบนโซอิก เป็นครั้งที่ 2 (สุ่มตรวจครั้งแรก มี.ค.61) โดยผลทดสอบพบว่า
มีผลิตภัณฑ์แกงไตปลาแห้ง 5 ตัวอย่าง ที่ตรวจไม่พบสารกันบูดทั้งสองชนิด ได้แก่
1) ยี่ห้อ คุณแม่จู้ จากร้านจี้ออ อ.เมือง จ.กระบี่ไม่พบสารกันบูดทั้งสองชนิด
2) ยี่ห้อ แม่อร กระบี่ จากร้านศรีกระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่ไม่พบสารกันบูดทั้งสองชนิด
3) ยี่ห้อ จี้ถ้าน พังงา จากร้านต้นข้าว-ต้นขิง สนามบินหาดใหญ่ไม่พบสารกันบูดทั้งสองชนิด
4) ยี่ห้อ วิน Win จากร้านเฟิร์ส & เฟิร์น สนามบินหาดใหญ่ไม่พบสารกันบูดทั้งสองชนิด
5) ยี่ห้อ วังรายา จากร้านขายของฝาก จ.ปัตตานีไม่พบสารกันบูดทั้งสองชนิด
และ มี 6 ตัวอย่าง ที่ตรวจพบสารกันบูดแต่ไม่เกินมาตรฐาน ได้แก่
1) ยี่ห้อ ณ ชุมพร จากร้านของฝาก อ.เมือง จ.ชุมพรพบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 23.94 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
2) ยี่ห้อ แม่จิตร สุราษฎร์ธานี จากตลาดสดเทศบาล สุราษฎร์ธานีพบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 136.21 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
3) ยี่ห้อ จันทร์เสวย จากร้านขายของฝาก จ.ปัตตานีพบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 180.83 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
4) ยี่ห้อ ลุงหรอย จากร้านปิ่นโต สนามบินหาดใหญ่พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 218.96 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
5) ยี่ห้อ เจ๊น้อง จากร้านศรีกระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 338.19 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
และ 6) ยี่ห้อ ชนิดา พังงา จากร้านเฟิร์ส & เฟิร์น สนามบินหาดใหญ่พบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 482.62 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
ส่วนที่เหลืออีก 4 ตัวอย่าง ตรวจพบปริมาณสารกันบูดประเภทกรดซอร์บิก หรือกรดเบนโซอิกเกินมาตรฐาน ได้แก่
1) ยี่ห้อ คุณแม่จู้ จากร้านของฝากแม่จู้ ถ.เทพกษัตรี จ.ภูเก็ตพบปริมาณกรดซอร์บิก เท่ากับ 1190.45 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
2) ยี่ห้อ แม่กุ่ย ภูเก็ต จากร้านของฝากแม่กุ่ย จ.ภูเก็ตพบปริมาณกรดซอร์บิก เท่ากับ 1107.64 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
3) ยี่ห้อ เจ้นา พังงา จากตลาดสดเทศบาล สุราษฎร์ธานีพบปริมาณกรดเบนโซอิก เท่ากับ 971.76 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
และ 4) ยี่ห้อ ป้าสุ สุราษฎร์ธานี จากตลาดกิมหยง อ.หาดใหญ่พบปริมาณกรดซอร์บิก 697.23 มก./กก และ กรดเบนโซอิก 332.01 มก./กก. (โดยมีปริมาณสัดส่วนของสารกันบูดทั้งสองชนิดรวมกันเกินหนึ่ง ซึ่งเกินมาตรฐาน)
ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 พ.ศ. 2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) อนุญาตให้ตรวจพบวัตถุกันเสียประเภทกรดเบนโซอิก ปริมาณสูงสุดได้ไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักอาหาร 1 กิโลกรัม และ ประเภทกรดซอร์บิก ปริมาณสูงสุดได้ไม่เกิน 1000 มก./กก. ในหมวดอาหารประเภทเครื่องปรุงรส
นางสาวมลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการด้านอาหาร มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า "ฉลาดซื้อเคยสุ่มตรวจแกงไตปลาแห้งครั้งแรก เมื่อมีนาคม 2561 จำนวน 10 ตัวอย่าง พบว่ามี 5 ยี่ห้อ ที่มีสารกันบูดเกินมาตรฐาน (ร้อยละ 50) ส่วนครั้งนี้ตรวจทั้งหมด 15 ตัวอย่าง พบว่ามี 4 ยี่ห้อ ที่สารกันบูดเกินมาตรฐาน (ร้อยละ 26) ซึ่งดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะ 3 ยี่ห้อ ที่มีสารกันบูดเกินมาตรฐานในครั้งแรก คือ ยี่ห้อชนิดา จันทร์เสวย และ แม่จิตร ในครั้งนี้พบว่ามีสารกันบูดไม่เกินมาตรฐาน ซึ่งขอชมเชยผู้ประกอบการที่ปรับปรุงสินค้าให้ดีขึ้น"
"แต่ที่น่าแปลกใจคือแกงไตปลาแห้ง ยี่ห้อ คุณแม่จู้ (กระปุกแก้วฝาสีทอง) ต้นตำรับดั้งเดิม จากร้านของฝากแม่จู้ จ.ภูเก็ต ที่ครั้งก่อนตรวจไม่พบสารกันบูด แต่ในครั้งนี้พบว่าเกินมาตรฐาน คือ พบกรดซอร์บิก 1190.45 มก./กก. ขณะที่ยี่ห้อเดียวกัน คือ คุณแม่จู้ (กระปุกพลาสติก ฝาสีแดง) ที่สุ่มเก็บมาจาก จ.กระบี่ ตรวจไม่พบสารกันบูด ถึงแม้ว่าจะมีส่วนผสม และ เลข อย. ต่างกัน แต่ชื่อที่เหมือนกัน ก็อาจทำให้ผู้บริโภคสับสนในการเลือกซื้อได้ ว่าแบบไหนมี หรือไม่มีสารกันบูด จึงอยากฝากให้ผู้ประกอบการปรับปรุงมาตรฐานการผลิตและให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับผู้บริโภคให้ดีขึ้น" นางสาวมลฤดีกล่าว นอกจากนี้ นางสาวมลฤดี ยังกล่าวเสริมว่า "ในเรื่องการให้ข้อมูลการใช้สารกันบูด บนฉลากบรรจุภัณฑ์พบว่า แกงไตปลาแห้งที่ตรวจพบสารกันบูดทั้ง 10 ยี่ห้อ ไม่มียี่ห้อใดเลย ที่ระบุว่าใช้วัตถุกันเสีย จึงอยากให้ผู้ผลิตได้ปรับปรุงการแสดงฉลากให้ถูกต้อง เมื่อมีการใช้สารกันบูดจะมากหรือน้อยก็ต้องระบุไว้ให้ผู้บริโภคทราบ"
"ในอีกกรณีหนึ่ง ที่ผลตรวจพบว่ามีสารกันบูดปริมาณเล็กน้อยในหลักสิบ หรือ ร้อยกว่าๆ ก็อาจเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตไม่ได้ใส่เอง แต่สารกันบูดเหล่านี้ อาจมาจากวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสม หากจะใช้คำว่า "ไม่ใช้วัตถุกันเสีย หรือ ปราศจากสารกันบูด" บนฉลากก็ขอให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อน โดยอาจส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปตรวจกับหน่วยงานที่ให้บริการตรวจคุณภาพอาหาร เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีวัตถุกันเสียจึงค่อยระบุบนฉลาก ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นว่าให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องกับผู้บริโภคได้" นางสาวมลฤดีกล่าว
ด้าน เภสัชกรหญิงชโลม เกตุจินดา ผู้แทนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคภาคใต้ กล่าวว่า "แกงไตปลาเป็นของฝากภาคใต้ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว จากผลตรวจสารกันบูด กว่าร้อยละ 73 ที่ไม่เกินมาตรฐาน หรือ ไม่พบสารกันบูดก็ถือว่าน่าชื่นชม โดยเฉพาะผู้ผลิตที่ใช้กระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ (pasteurization) ซึ่งไม่ต้องใช้สารกันบูดเลย ก็อยากให้ร้านค้าอื่นๆ ลองศึกษาข้อมูลเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่กระบวนการผลิตที่ไม่ต้องพึ่งพาสารกันบูดหากว่าเป็นไปได้ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานอาหารของฝากภาคใต้ให้ดียิ่งขึ้น"
"สำหรับผู้บริโภคที่ชอบของฝากจำพวกน้ำพริกหรือแกงไตปลาแห้ง ก่อนซื้ออยากแนะนำให้ดูวันผลิตด้วย อย่าดูแค่วันหมดอายุอย่างเดียว เพราะของฝากจำพวกอาหารที่ผลิตเอาไว้นานเกินไป ก็อาจมีกลิ่นหรือรสชาติ ที่เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าจะยังไม่หมดอายุ ซึ่งหากผู้ประกอบการสามารถระบุทั้งวันผลิตและวันหมดอายุ ก็จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภคในการเลือกซื้อของฝากที่มีความสดใหม่ รวมทั้งร้านค้าเองก็จะสามารถจัดเรียงสินค้าวางขายตามลำดับก่อนหลังได้อย่างถูกต้องอีกด้วย" ภญ.ชโลมกล่าว