"หมอระวี" ค้านขึ้นค่าแท็กซี่ ชี้ซ้ำเติมประชาชน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมหารือแนวทางการให้บริการของรถยนต์รับจ้างสาธารณะ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม โดยมี นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายธานี สืบฤกษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย ผู้แทนสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในการหารือกับผู้แทนสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย มีข้อตกลงร่วมกัน ดังนี้1. การปรับอัตราค่าโดยสารคำนวณจากต้นทุนการเดินรถและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้มีการปรับอัตราค่าโดยสาร ระยะ 1 กิโลเมตรแรก 35 บาท ระยะทางเกินกว่า 1 กิโลเมตร กิโลเมตรที่ 10 กิโลเมตรละ 6.50 บาท ระยะทางเกินกว่า 10 กิโลเมตร กิโลเมตรที่ 20 กิโลเมตรละ 7 บาท ระยะทางเกินกว่า 20 กิโลเมตร กิโลเมตรที่ 40 กิโลเมตรละ 8 บาท ระยะทางเกินกว่า 40 กิโลเมตร กิโลเมตรที่ 60 กิโลเมตรละ 8.50 บาท ระยะทางเกินกว่า 60 กิโลเมตร กิโลเมตรที่ 80 กิโลเมตรละ 9 บาท ระยะทางเกินกว่า 80 กิโลเมตรขึ้นไป กิโลเมตรละ 10.50 บาท2. การขอยกเลิกการติดตั้งอุปกรณ์ภายในรถ เพื่อเข้าสู่ระบบ TAXI OK โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้แทน ซึ่งตามนโยบายรัฐบาลให้การบริหารรถรับจ้างสาธารณะใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่เข้ามาใช้ โดยสั่งการให้กรมการขนส่งทางบกเร่งดำเนินการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อบริหารจัดการการให้บริการรถยนต์รับจ้างสาธารณะให้แล้วเสร็จ ภายใน 1 เดือน

3. การคิดค่าโดยสารในกรณีที่รถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้เกินกว่า 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในอัตราค่าโดยสาร 3 บาท/นาที กับรถทุกประเภท4. อายุการใช้งานรถรับจ้างสาธารณะจากเดิม 9 ปี เป็น 12 ปี ซึ่งรถจะต้องผ่านมาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ซึ่งต้องตรวจสอบทุก 3 เดือน หากตรวจสอบพบว่าไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานต้องหยุดเดินรถทันที5. การจดทะเบียนรถเป็น TAXI VIP จากเดิม กรมการขนส่งทางบกกำหนดเกณฑ์ให้ผู้มีสิทธิ์ต้องเป็นนิติบุคคลเท่านั้น ให้เปลี่ยนเกณฑ์การจดทะเบียนโดยยึดมาตรฐานรถเป็นสำคัญ เช่น อุปกรณ์ภายในรถ แรงม้า เป็นต้น ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการต่อไป6. การกำหนดอัตราค่า Surchage สำหรับรถรับจ้างสาธารณะที่ให้บริการภายในท่าอากาศยาน โดยเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มขึ้นจากที่แสดงไว้ในมาตรอัตราค่าโดยสารอีกไม่เกิน 70 บาท รถรับจ้างสาธารณะขนาดใหญ่ไม่เกิน 90 บาท รวมทั้งอัตราค่าสัมภาระชิ้นที่ 3 เพิ่มเติม กรณีที่มีขนาดเกิน 26 นิ้ว คิดค่าบริการชิ้นละไม่เกิน 20 บาท ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการประสานแจ้ง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไป

ต่อมานายศักดิ์สยาม ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุ กระทรวงคมนาคมยังไม่ได้มีการอนุมัติให้รถแท็กซี่ปรับขึ้นค่าโดยสารในอัตรา 10% ภายในวันที่ 15 ก.ย. 2562 นี้ เนื่องจากต้องให้กรมการขนส่งทางบกไปศึกษาแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ก่อน ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการศึกษาประมาณ 1 เดือน ก่อนที่จะสรุปผลออกมาทั้งนี้ยังได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคม ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดูแลขนส่งสาธารณะทั้งรถเมล์ รถบขส. รถไฟ เครื่องบิน รถไฟฟ้า รถแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซด์ ผู้ประกอบการรถตู้ หรือแม้กระทั่งเรือโดยสาร ให้ทุกหน่วยงานเปิดรังฟังความคิดเห็นขงประชาชน หรือโซเชี่ยล พับลิก เฮียริ่ง เพื่อรับเรื่องร้องเรียนของบริการขนส่งสาธารณะเหล่านี้นำมาปรับปรุงบริการและแก้ไขปัญหาให้ประชาชน โดยทุกหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบจะมีเพจของเว็บไซต์อยู่แล้ว ให้นำมาใช้ประโยชน์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการเพื่อเปิดรับฟังความเห็นผ่านโซเชี่ยล และให้เปิดฮอตไลน์สายด่วนเพื่อรับหังความเห็นด้วยอย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนกังวลการปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ เพราะกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาอย่างรอบคอบ และให้เชื่อมั่นการทำงานของข้าราชการกระทรวงคมนาคม รัฐวิสาหกิจจะทำงานเพื่อประชาชน และตนได้สั่งการให้รัฐวิสาหกิจเหล่านี้รายงานผลเรื่องการร้องเรียนมาให้ตนรับทราบเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพราะเสียงของประชาชนสำคัญเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ล่าสุด นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ในขณะที่เศรษฐกิจรากหญ้ายังไม่ฟื้น เพราะจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนให้มีรายจ่ายต่อวันสูงขึ้น รัฐมนตรีควรจะชะลอไว้ก่อน อีกทั้งตนมองว่าการขึ้นราคาแท็กซี่นั้นไม่ใช่คำตอบ เพราะสุดท้ายไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องปากท้องของทุกฝ่าย ควรไปแก้ไขโครงสร้างราคาน้ำมันที่จะช่วยให้แก้ปัญหาปากท้องได้อย่างทั่วถึง
นพ.ระวี กล่าวอีกว่า ส่วนในประเด็นของ Grab นั้น ตนมองว่า ทั้งแท็กซี่และ Grab ต่างมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้โดยสารก็จะเลือกใช้บริการในสิ่งที่เหมาะสมกับความต้องการเป็นหลัก ดังนั้น ส่วนไหนที่ดีก็ควรนำมาปรับใช้ ส่วนไหนที่ควรแก้ไข ก็นำพามาปฏิบัติ เช่น การโกงค่าโดยสาร, การบริการ และ การปฏิเสธผู้โดยสารที่เป็นปัญหามาช้านานของแท็กซี่นั้น ตนไม่คิดว่าการขึ้นค่าโดยสารจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า คนขับรถแท็กซี่หลายคนยังกล่าวกับตนว่า อยากให้รัฐบาลสนับสนุนการทำแอปพลิเคชันแท็กซี่ไทย โดยเอาข้อดีของ grab มาปรับใช้เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกของประชาชน