นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมร่วมกับนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ หารือความร่วมมือการปลูกพืชกัญชาส่งผลิตเป็นตำรับยาตามกฎหมาย รวมทั้งการวิจัย และพัฒนาสายพันธ์กัญชา โดยกล่าวว่าประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้มาหารือ ใน 4 ประเด็น คือ 1.ขั้นตอนการขออนุญาตให้เอื้อต่อภาคเกษตรกรที่ต้องมีการลงทุนเอง ทั้งในเรื่องโรงเรือนปลูก รั้วกั้นขอบเขต การเก็บรักษา2.การวิจัย พัฒนา ไม่ถูกปิดกั้นด้วยข้อกฎหมาย ซึ่งขณะนี้สามารถทำโครงการวิจัยโดยขออนุญาตได้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา3.เสรีกัญชาทางการแพทย์ ที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องการใช้และการครอบครอง
ทั้งนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้มีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ สกลนคร มีแหล่งปลูกกระจายทั้ง 4 ภูมิภาค ดังนี้1.ภาคเหนือ โดยสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ จ.ลำปาง ส่งมอบให้ รพ.สมเด็จพระยุพราชเด่นชัย จ.แพร่ และ รพ.ป่าซาง จ.ลำพูน2.ภาคอีสาน โดยสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ จ.บุรีรัมย์ ส่งมอบให้ รพ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนครส่งมอบให้รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร
3.ภาคกลางโดยสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ จ.กาญจนบุรี ส่งมอบให้ รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม ศูนย์พันธุกรรมวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ส่งกรมแพทย์แผนไทยฯ4.ภาคใต้สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ จ.สุราษฎร์ธานี ส่งมอบให้ รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี โดยขณะนี้ ผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ ควบคุมยาเสพติดให้โทษ เตรียมเสนอเข้าคณะกรรมการยาเสพติด ในวันที่ 13 สิงหาคม นี้
"กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการปลดล็อคในข้อกฎหมายที่อยู่ในการดูแลของกระทรวง เพื่อให้นำมาใช้ประโยชน์ ในด้านการรักษา หากได้ผลดีก็จะพัฒนาและต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ทั้งนี้ จะไม่ให้กระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้ เนื่องจากกัญชามีทั้งคุณและโทษต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งไม่อยากเห็นภาพคนในประเทศเรา นำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิดหรือนำกัญชาไปต่างประเทศแล้วโดนจับ" นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษว่า ในที่ประชุมได้พิจารณา นำกัญชามาใช้เสรีทางการแพทย์เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน ในเรื่องโรงงานที่ผลิต การปลูก และการนำไปใช้กับผู้ป่วยเหมาะสมกับอาการเจ็บป่วย และที่ประชุมยังได้รับรองตำรับหมอพื้นบ้าน 2 ท่าน คือ ตำรับจอดกระดูก ของนายนาด ศรีหาตาหมอพื้นบ้าน จ.กาฬสินธุ์ และตำรับน้ำมันกัญชา ของนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่าในวันนี้ที่ประชุมได้อนุญาตการปลูกกัญชาเพิ่มอีก 3 แห่ง 1.รพ.อภัยภูเบศร ในกัญชาที่มี ซีบีดี สูง 2.โรงพยาบาลคูเมือง จ.บุรีรัมย์ และ 3.แพทย์แผนไทยรวมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้านกัญชง จะคลายล็อคให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจและมีมูลค่าเพิ่ม ให้สามารถนำกัญชง ที่มีทีเอชซีอยู่ในผลิตภัณฑ์น้อยกว่า 0.2 สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรม การผลิตอาหาร การผลิตเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นการเห็นชอบในหลักการเท่านั้น