โรงพยาบาลสุรินทร์ขาดน้ำ ไม่มีส่งใช้สำหรับผู้ป่วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต้องลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาด้วยตัวเองอย่างเร่งด่วน
การที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งจะขาดน้ำได้บ่งบอกให้เรารู้ว่าพื้นที่บริเวณนั้นต้องแห้งแล้งถึงขีดสุด แต่ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในจังหวัดสุรินทร์ก็สวนทางกับสภาพอากาศอีกฟากฝั่งหนึ่งที่อยู่ทางทิศตะวันตก
แนวตะเข็บชายแดนไทยพม่าช่วงจังหวัดตาก ฝนที่ตกติดต่อกัน 5 วัน ทำให้แม่น้ำเมย มีระดับสูงขึ้นจนเอ่อท่วม ตลาดการค้าชายแดนที่แม่สอด ตอนลดลงแล้วแต่ก็อยู่ในภาวะเฝ้าระวัง เพราะฝนยังตกต่อเนื่อง
ส่วนบริเวณเชิงเขาต่างๆ ก็เกิดภาวะดินอุ้มน้ำจนสไลด์ลงมาทับบ้าน มีผู้เสียชีวิต ขณะที่เหนือเขื่อนภูมิพลที่อยู่ในจังหวัดตากก็มีน้ำไหลเข้าเขื่อนมากที่สุดในรอบปี
คำถามก็คือเหตุใดสภาพอากาศสองฟากฝั่งของประเทศจึงได้แตกต่างสุดขั้วถึงขนาดนี้
เดิมทีพายุวิภาจะเข้ามาทาง ฝั่ง เวียดนาม ลาว แล้วก็มาทางอีสาน แต่มาถึงไทยก็อ่อนกำลังลง ในขณะที่ฝนที่ตกอยู่ทา ภาคเหนือในขณะนี้เป็นเพียงร่องมรสุมที่ทำให้เกิดฝนตกสะสม
เป็นเพียงร่องมรสุมก็ยังทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มได้ แม้ฝนจะตกเพียงเล็กน้อยก็มีโอกาสเกิดขึ้นเพราะว่าชั้นหินที่มีอายุมากตามกาลเวลา ทำให้เปราะบางและต้องเฝ้าระวัง
แม้บริเวณภาคเหนือจะมีฝนตกในช่วงนี้ หลายคนก็คิดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งได้ ปีหน้าหายห่วง แต่ความเป็นจริงแล้วมันก็คือฝนทิ้งช่วง ที่จริงๆต้องเริ่มตกตั้งแต่เดือนพฤษภาคมและนั่นก็ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนเมื่อเทียบกันระหว่างปีที่แล้วกับปีนี้ต่างกันมาก
เขื่อนภูมิพลปีที่แล้ว ในเวลาเดียวกันมีน้ำอยู่ 41 เปอร์เซ็นต์ แต่ในปีนี้ยังคงมีน้ำอยู่ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งมีเวลาในการเก็บน้ำไปจนถึงสิ้นฤดูฝน ราวๆเดือนตุลาคม ก็ต้องลุ้นดูว่าจะมีปริมาณน้ำมาเติมในเขื่อนมากน้อยแค่ไหน
ท่ามกลางข่าวค่อนข้างร้ายว่าฝนตกหนักดินสไลด์ทับ น้ำป่าท่วมฉับพลัน ก็ยังเป็นข่าวดีที่ทำให้ฝนไหลลงเขื่อนเก็บไว้ใช้บ้าง
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเราคงได้ติดตามข่าวสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งน้ำท่วมน้ำแล้งสลับกัน และบางทีรวมอยู่ในปีเดียวกัน จนอาจเกิดความคุ้นเคยและคุ้นชินไปแล้ว ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องปกติแต่อย่างใด
เหล่านี้ล้วนเป็นการบ้านที่ท้าทายสำหรับผู้บริหารจัดการน้ำ และมันจะยากขึ้น และยากขึ้นอีกในอนาคต
#วชิรวิทย์ #วชิรวิทย์รายวัน #Vajiravit #VajiravitDaily #Nation #NationTV