"ชูวิทย์" ชี้ คบเด็ก สร้างบ้าน คบพรรคเล็ก รัฐบาลพัง

โดยได้ยืนยันว่า มติของ 10 พรรคเล็ก ยังคงร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม ข่าวที่ออกมา เป็นความเห็นส่วนตัวของบุคคลจำนวนหนึ่งใน 10 พรรคเล็ก เพราะอาจจะเกิดจากความน้อยใจ ที่ไม่ได้รับตำแหน่ง หรือ เสนอไปแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ตนเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดูแลเรื่องนี้ เพราะเคยรับปากไว้ เชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน แต่ยืนยัน ว่ามติของ 10 พรรคยังร่วมรัฐบาลเหมือนเดิมขณะเดียวกัน ก็มีความคิดเห็นต่างจากหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ก็ออกมายืนยันเช่นเดียวกันว่า จะไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจากนั้นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะผู้ประสานงานกับ 10 พรรคเล็ก ได้บอกภายหลังจากที่ นายมงคลกิตติ์ ประกาศว่า 5 พรรคเล็ก จะเป็นฝ่านค้านอิสระ ว่าตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ทุกอย่างมีที่มาที่ไป พร้อมยืนยันว่า เป็นพี่น้องกัน ได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอด โดยขณะนี้ เข้าสู่ระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แต่เข้าใจว่าไม่สามารถบังคับใครได้ พร้อมมั่นใจ ว่าเสียงไม่ปริ่มน้ำและเชื่อว่า พรรคเล็กจะไม่ไปไหน เพราะแก้วที่ร้าว ก็สามารถหลอมใหม่ได้หลังเกิดกรณีรัฐบาลเสียงแตก รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ก็ได้ออกมาบอก เชื่อว่าปัญหานี้ คุยกันได้ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส จะเป็นผู้ประสานงาน พร้อมยืนยัน ว่าเข้าใจ 10 พรรคเล็ก เพราะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา-----ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ บอกหลังการลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น กรณี 5 พรรคเล็ก ทั้งพรรคไทยศิวิไลย์ พรรคพลังไทยรักไทย,พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคประชาธรรมไทยและพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ขอถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ ว่า ปัญหาทั้งหมด ที่ดูแลรับผิดชอบอยู่ ตอนนี้แก้ปัญหาได้แล้ว ไม่มีใครแยกตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระแน่นอน เสียงในสภาฯที่มีอยู่ทั้ง 254 ยังอยู่ครบ ไม่มีลด มีแต่จะเพิ่ม ส่วนการประชุมสภาที่โหวตแพ้ไป 2 - 3 วาระไม่ใช่สาระสำคัญประธานสภาผู้แทนราษฎร ชวน หลีกภัย พูดถึงเรื่องนี้ด้วยว่า กรณีที่เสียงลงมติของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล แพ้เสียงของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เพียง 1 เสียง น่าแปลกใจ ว่า เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะประเด็นการทำหน้าที่ประธานที่ต้องเป็นกลางต้องยึดถือตามบทบัญญัติที่รัฐธรรมนูญ เรื่องข้อบังคับการประชุมสภา ที่ถกเถียงกัน ไม่ได้ใหญ่ไปกว่ารัฐธรรมนูญขณะที่รองประธานวิปรัฐบาล ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ยอมรับแพ้โหวตฝ่ายค้าน เพียง 1 เสียง เกิดจากปัญหาการสื่อสาร ที่วิปรัฐบาล ต้องประสานงาน และทำความเข้าใจในรายละเอียดแต่ละประเด็น ก่อนจะเข้าสู่การประชุม ยอมรับด้วยว่า การแพ้ หรือ ชนะเพียง 1-2 เสียง เป็นสิ่งที่น่ากังวล สำหรับรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ

ล่าสุด "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงประเด็นร้อนนี้ โดยระบุว่า
คบเด็ก สร้างบ้าน คบพรรคเล็ก รัฐบาลพัง
ผมเคยบอกไว้ก่อนจัดตั้งรัฐบาล "สูตรพิสดาร" ว่าอยู่ได้ไม่นาน แม้ว่าเสียงจะเกินครึ่งจริง แต่ดันไปให้โปรที่นั่งพรรคเล็กคนละ 1 ที่นั่ง เพื่อให้มีเสียงเพียงพอจัดตั้งรัฐบาลได้
ตอนนี้คงได้เห็นพิษสงพรรคเล็กแล้ว ว่าเป็นยังไง?
ด้วยความที่เป็นพรรคเล็ก มันเล็กจนการตัดสินใจเปลี่ยนได้ทุกเวลาทุกนาที เพราะเป็น ส.ส. สมัยนี้ได้สมัยเดียว จะทำอะไรก็ต้องทำกันเสียตอนนี้
หากยังจำได้ ตอนพรรคไทยรักไทยไปใช้บริการพรรคเล็ก ก็เกิดเรื่องจนศาลสั่งยุบพรรค
รัฐบาลนี้คะแนนเสียงปริ่มน้ำ จนทำให้ต้องไปใช้บริการพรรคเล็กอีกเหมือนกัน ต้องดันทุรังจัดตั้งให้ได้ พรรคเล็กจึงมีน้ำมีนวล มีราคาค่างวดขึ้นทันใด คิดสะระตะ บวก ลบ คูณ หารแล้ว มองข้ามหัวอั๊วไปได้ยังไงวะ?
ของเลยเข้า อยู่กันไม่ทันหม้อข้าวดำ ขอย้ายไปเป็น "ฝ่ายค้านอิสระ"
มันมีแต่ "ฝ่ายค้านเรียกราคา" เสียมากกว่า ให้รู้ว่า "หากขาดฉัน แล้วเธอจะรู้สึก"
ผลจึงออกมาเยี่ยงนี้ อย่าคิดไปฝืน "ธรรมชาติการเมือง" มันหนีความจริงไปไม่พ้น แม้ว่าจะมีคนตะแบงคิดบิดเบี้ยวการเมืองไปสักแค่ไหน
ช่วงจัดตั้งรัฐบาล "รวมกันเราอยู่"
พอเป็นรัฐบาล "มึงว่าของมึงไป กูจะว่าของกูแบบนี้ ใครจะทำไม?"
หากอยากเคลียร์ใจกับพรรคเล็กก็ได้ ไม่มีปัญหา กลับไปเป็นรัฐบาลได้ใหม่อีก แต่สักพักเกิดไม่พอใจอะไร ก็ขู่ไปเป็นฝ่ายค้านอิสระได้อีกเสมอ เพราะของเขาอิสระจริงแท้ ได้ทุกครั้งที่โหวต
มันจะไปกันได้อีกสักกี่น้ำ? แค่ผ่านงบประมาณตุลานี้ ก็คุ้มแล้ว รัฐมนตรีไม่ทันเซ็นอนุมัติสั่งการให้เสี่ยงคุก
ได้เวลาแยกทาง ประชาชนเตรียมตัว ดัดหลังนักการเมือง ที่หักหลังประชาชน