ฮาลาลนั้นถือว่ามีบทบาทอย่างสูงในทางอุตสาหกรรมและการค้าของโลก เนื่องจากมีตลาดที่เป็นกลุ่มผู้บริโภคชาวมุสลิมกว่า 1,800 ล้านคนทั่วโลก ในปี พ.ศ.2540 โคเด็กซ์คณะทำงานภายใต้สหประชาชาติจึงกำหนดมาตรฐานอาหารฮาลาลขึ้น กลายเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานฮาลาลของทั่วทั้งโลก รวมถึงองค์การความร่วมมือประเทศอิสลาม (หรือโอไอซี) ที่กำหนดมาตรฐานฮาลาลขึ้นเพื่อเป็นแนวปฏิบัติสำหรับอาหารและผลิตภัณฑ์อื่น ที่เรียกว่ามาตรฐาน SMIIC หรือซีมิก
ประเทศไทยเองก็ใช้มาตรฐานซีมิกในการรับรองอุตสาหกรรมฮาลาล จึงทำให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล สร้างความสะดวกสู่การปฏิบัติในภาคการผลิตงานเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดโลก ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันมาตรฐาน ฮาลาลแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมมือพัฒนาโปรแกรมแอ็พพลิเคชั่น "ฮาลพลัส" (HALPLUS) ขึ้น เพื่อร่นระยะเวลาการวางระบบฮาลคิว (HAL-Q) ในภาคอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ทั้งยังมีการพัฒนาระบบที่เชื่อมโยงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของภาคส่วนต่างๆ ในงานฮาลาลตั้งแต่ภาคผู้ประกอบการ ภาคองค์กรศาสนาอิสลาม ภาควิชาการ ภาคราชการ ภาคธุรกิจโครงข่าย ภาคผู้บริโภค
ซึ่งส่วนหนึ่งของงานคือการประยุกต์ระบบไอทีเข้ากับงานการมาตรฐานฮาลาลฮาลคิว เพื่อสร้างความสะดวกแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสะดวกทางด้านการซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการหรือการจับคู่ธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของประเทศ