"จุรินทร์" เคาะเกณฑ์ประกันรายได้ปาล์ม4บาท/กก.

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ได้จัดการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันทั้งระบบ โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า100 คนทั้งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในและกรมที่เกี่ยวข้อง ราชการรัฐวิสาหกิจ เอกชน และตัวแทนเกษตรกร เช่น นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย นายอธิราษฎร์ ดำดีผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ประธานคณะกรรมการด้านปาล์มน้ำมันและพืชพลังงาน สภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นต้น

ทั้งนี้ ตัวแทนทั้ง3 ฝ่ายได้เห็นพ้องว่าจะมีการดำเนินการตามนโยบายประกันรายได้ชาวสวนปาล์มของรัฐบาล โดยกำหนดรายได้ประกันที่กิโลกรัมละ4 บาท เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% โดยจัดประกันรายได้ให้ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ในเรื่องของการคิดคำนวณส่วนต่างที่จะโอนผ่านบัญชีของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) โอนให้เกษตรกรนั้น คิดคำนวณจากรายได้ที่ประกันกิโลกรัมละ 4บาทลบด้วยราคาตลาด ณ ช่วงเวลาที่กำหนดโดยส่วนต่างนี้จะโอนเข้าบัญชีให้เกษตรกรทันที 


สำหรับ การคำนวณราคาตลาดเพื่อนำไปใช้คำนวณส่วนต่างจะคำนวณทุก15 วัน และจะมีอนุกรรมการที่จะมีการจัดตั้งขึ้นเป็นผู้คำนวณ ส่วนในเรื่องของการโอนเงินส่วนต่างนั้นจะโอนให้ปีละ4 ครั้งหรือที่เรียกว่าจะโอนให้ทุก 3 เดือน


อย่างไรก็ตามนโยบายประกันรายได้ของชาวสวนปาล์มนั้นจะเป็นมาตรการหนึ่งแต่จะมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ชาวสวนปาล์มมีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยมาตรการที่จะทำควบคู่นั้น ประกอบด้วยหลายมาตรการด้วยกัน เช่น มาตรการที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้บี10 โดยผู้แทนของกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามีแนวทางที่จะดำเนินการให้บี10 เป็นภาคบังคับ โดยเปลี่ยนจากบี 7 เป็นบี 10 ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้เพื่อเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์ม

มาตรการนำผลิตภัณฑ์ตามนั้นไปใช้เป็นเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเคยมีมติและยังมีผลของปริมาณการใช้เหลืออยู่จนถึงขณะนี้อีกประมาณ1.3 แสนตัน ซึ่งจะมีการผลักดันในการดำเนินการให้จบตามที่คณะรัฐมนตรีแจ้งไว้  มาตรการเรื่องการบังคับนำเข้าน้ำมันปาล์มและเคร่งครัดในเรื่องของการนำน้ำมันปาล์มผ่านแดนจากประเทศไทยโดยเฉพาะผ่านจากด่านสะเดา หรือทางภาคใต้ เพื่อผ่านแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะต้องมีมาตรการกำกับและบังคับใช้โดยเคร่งครัดเพื่อไม่ให้มีการนำน้ำมันปาล์มที่อ้างว่าเพื่อการผ่านแดนมาใช้ในประเทศไทยมีผลทำให้ราคาผลปาล์มตกและกระทบกับเกษตรกร


"เราเห็นด้วยตรงกันว่ามาตรการปาล์มยั่งยืนเป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะที่จะเป็นรูปธรรมในการทำให้เกิดความยั่งยืนขึ้นได้คือต้องมีพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันเกิดขึ้นซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าจะได้มีการผลักดันในเรื่องของพระราชบัญญัตินี้ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งผลการประชุมวันนี้จะผ่านคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเสนอเข้าครม.ต่อไป"