ตีแผ่ชีวิต "หญิงบำเรอ" นับแสนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

กลุ่มพันธมิตรเพื่อรักษาความจริงของสงครามจีน-ญี่ปุ่น เตรียมเปิดตัวแคมเปญ "สัปดาห์หญิงบำเรอ" เพื่อเชิญชวนผู้อยู่อาศัยในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือมาร่วมแสวงหาความยุติธรรมให้กับ "หญิงบำเรอ" ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มเด็กสาวและผู้หญิงที่ถูกกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นบังคับให้ทำงานเป็นทาสทางเพศ ด้วยการวางโปสเตอร์สนับสนุนแคมเปญดังกล่าวภายในบ้านของพวกเขาตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา
เกาหลีใต้กำหนดให้วันที่ 14 ส.ค. เป็นวันระลึกถึง "หญิงบำเรอ" อย่างเป็นทางการ เนื่องจาก คิมฮักซุน เหยื่อซึ่งเป็นหญิงบำเรอชาวเกาหลีใต้ ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของตัวเองเป็นครั้งแรกในวันนี้เมื่อ ปี 1991 โดยเธอได้เล่าถึงประสบการณ์ในช่วงสงครามและความโหดร้ายของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามีผู้หญิงราว 200,000 คนที่ถูกกองทัพของจักรวรรดิญี่ปุ่นบังคับให้เป็นทาสทางเพศในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ประธานกลุ่มพันธมิตรฯจางเจ้าฝูให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า"รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามชำระล้างความผิดหรือปกปิดประวัติศาสตร์ของหญิงบำเรอ ในตำราเรียนของโรงเรียนญี่ปุ่น และในปัจจุบันคนหนุ่มสาวญี่ปุ่นจำนวนมากยังมีความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมที่ทหารญี่ปุ่นก่อขึ้นเพียงน้อยนิด ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก"

"หญิงบำเรอในอดีตส่วนมากเสียชีวิตไปแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มของพวกเธอมีอายุราว 90 ปีแล้วในปัจจุบัน" พร้อมเสริมว่า "เป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับเรื่องราวในประวัติศาสตร์ และขอโทษกับการกระทำอันโหดร้ายของทหารญี่ปุ่น"เมื่อวันอาทิตย์ (4 ส.ค.) ชาร์ลส์ เซา อดีตประธานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าทหารญี่ปุ่นได้ฉุดเด็กสาวและผู้หญิงนับแสนจาก 14 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงจีน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเนเธอร์แลนด์ และบังคับให้พวกเธอรับใช้ทหารญี่ปุ่นในฐานะทาสกามนอกจากนี้ งานวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่ากองทัพญี่ปุ่นยังเคยตั้งสถานี "หญิงบำเรอ" ในอินเดีย ที่ซึ่งทหารญี่ปุ่นบังคับผู้หญิงอินเดียให้เป็นทาสทางเพศเซากล่าวว่า "เรารู้สึกขุ่นเคืองที่รัฐบาลญี่ปุ่นปฏิเสธอย่างดื้อรั้นในการออกมาขอโทษต่อการกระทำอันโหดร้ายของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เราต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ "หญิงบำเรอ" ต่อไป"