นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ ประกาศให้จีนกลับมาอยู่ในบัญชีประเทศแทรกแซงค่าเงินอีกครั้ง นับตั้งแต่ปี 2537 โดยระบุว่า จีนมีประวัติแทรกแซงทำให้เงินหยวนอ่อนกว่าความเป็นจริงมานานแล้ว และยังคงทำเป็นประจำส่วนหลังจากนี้ สหรัฐฯ จะร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ในการกำจัดความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากพฤติกรรมล่าสุดของจีน
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตโจมตีจีนชุดใหญ่ บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือการแทรกแซงค่าเงินอย่างแท้จริง ถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบด้านการเงินครั้งใหญ่ที่จะส่งผลให้จีนยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ พร้อมกันนี้ยังพาดพิงไปถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดซึ่งเพิ่งลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้หาทางตอบโต้ด้วย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า การประกาศให้จีนเป็นประเทศแทรกแซงค่าเงินเป็นเพียงการแสดงในเชิงสัญลักษณ์ และไม่ได้ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีเครื่องมือจัดการกับจีนเพิ่มเติมแต่อย่างใด นอกจากเพิ่มกำแพงภาษีให้สูงขึ้นไปอีก
ล่าสุดธนาคารกลางของจีนออกแถลงการณ์ตอบโต้สหรัฐฯ ว่า จีนไม่เคยและจะไม่มีทางใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือ และการตราหน้าจีนแบบนี้จะยิ่งสร้างความเสียหายต่อระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และจะทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในตลาดเงิน ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันนี้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมากกว่า 7 หยวนต่อดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารกลางของจีนประกาศจะขายพันธบัตร 3 หมื่นล้านหยวน เพื่อรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์จีนได้มีคำสั่งให้ภาคเอกชนของจีนระงับการสั่งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ทั้งหมดแล้ว หลังทรัมป์เตรียมขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ในเดือนกันยายนนี้ โดยอ้างว่า จีนผิดสัญญาที่เคยบอกว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ในปริมาณมาก แต่ล่าสุดจีนตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่มีมูลและยังไม่ตัดความเป็นไปได้ในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ที่มีการซื้อขายหลังจากวันที่ 3 ส.ค.เป็นต้นไป ซึ่งแน่นอนว่า จะยิ่งทำให้กลุ่มเกษตรกรในอเมริกาที่เป็นฐานเสียงของทรัมป์เจ็บหนักกว่าเดิม