"นายกฯ"รับมือบึ้มป่วนเมือง 9 คน อยู่ในขั้นตอนสอบสวน

เหตุการณ์ลอบวางระเบิดหลายจุดสำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจ.นนทบุรี รวมไปถึงเหตุการณ์เพลิงไหม้ย่านกาาค้าประตูน้ำ ล่วงมาแล้วกว่า 6 วัน ทางชุดคลี่คลายคดีต่างเร่งมือ ระดมสรรพกำลัง เรียกนายตำรวจมือมือสืบสวนจากหลายท้องที่ มาช่วยกันแกะรอยจับตัวคนร้ายที่มีมากถึง 15 ราย ที่ร่วมกันก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแบ่งกำลังออกเป็นชุดสืบสวน และ ชุดสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนแต่ล่ะท้องที่ที่เกิดเหตุก็เร่งรวบรวมหลักฐานการจากภาพกล้องวงจรปิดและคำให้การของพยานแวดล้อม ซึ่งอาจจะออกหมายจับได้ 7 ราย ตามข้อมูลกล้องวงจรปิด ได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยจำนวน 4 ราย ที่ถูกควบคุมตัวได้นั้นก็ยังคงดำเนินการต่อไป 

เมื่อย้อนมาดูไทม์ไลน์การก่อเหตุจะเห็นได้ว่า ระเบิด 2 ลูก แรกที่ตรวจพบในพื้นที่กทม.นั้น อยู่ที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกค้นพบในเวลา 15.40 น. วันที่ 1 ส.ค. พื้นที่สน.ปทุมวัน ทางหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดหรือ EOD ได้เข้าตรวจสอบ ซึ่งในเย็นวันนั้นทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นระเบิดปลอม แต่แล้ววันต่อมาก็มีข้อมูลว่าระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดจริง ที่มีการตั้งเวลาระเบิดไว้ช่วง 08.00 -09.00 น. วันที่ 2 ส.ค.
ให้หลังระเบิดลูกแรก 14 ชั่วโมง เวลา 04.37 น. ของวันที่ 2 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปทุมวันได้รับแจ้งจากห้างสรรพสินค้า 2 แห่ง ย่านสามและปทุมวัน ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ในร้านขายสินค้าภายในห้าง ทางเจ้าหน้าที่ของห้างช่วยกันดับไฟ พร้อมกับระบบน้ำสปริงเกอร์ทำงาน 
ในห้วงเวลาไล่เลี่ยกันห่างกันเพียง 3 นาที จากเหตุเพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้านั้น ต่อมาเวลา 04.40 น. ทางเจ้าหน้าที่สน.พญาไท ก็ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารชั้นเดียว หรือตลาดไซด์วอร์ค  ภายในซอยเพชรบุรี 19 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ อยู่ด้านหลังโรงแรมอินทรา  ทำให้มีร้านค้าได้รับความเสียหายจำนวน 60 แผง 

ทั้งสองเหตุการณ์ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นเหตุก่อความไม่สงบ หรือ มีความเชื่อมโยงกับการพบระเบิด 2 ลูก หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างใด แต่แล้วเมื่อรุ่งเช้าทางเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดหรือ "EOD" พร้อมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงตรวจสอบพื้นที่เพลิงไหม้ที่ประตูน้ำ ก็พบกับวัตถุต้องสงสัยคล้ายส่วนประกอบระเบิดเพลิงถึง 3 แห่ง มีลักษณะเป็นแผงวงจรใช้ในการตั้งเวลาผูกติดกับก้อนแบตเตอรี่คล้ายกับพาวเวอร์แบงค์ พ่วงต่อกับแอลกอฮอร์เหลวที่ทำให้เกิดระเบิดในลักษณะเปลวไฟได้ ซึ่งลักษณะระเบิดเพลิงที่ใช้ก่อเหตุในครั้งนี้คล้ายกับเหตุการณ์ระเบิดป่วนภาคใต้ตอนบน จำนวน 7 จังหวัด เมื่อปี 2559 ทั้งนี้คนร้ายได้ตั้งเวลาให้ระเบิดลูกแรกที่อาคารดีดีเฮ้าส์ทำงานก่อนประมาณ ครึ่งชั่วโมง จากนั้นระเบิดอีก 2 ลูก ที่วางไว้อีก 2 จุด บริเวณใกล้เคียงจึงเริ่มทำงานต่อ 
ในส่วนของห้างสรรพสินค้าทั้ง 2 แห่ง นั้น ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบหลังจากเกิดเหตุเนื่องจากคาดว่ามีความเชื่อมโยง โดยในจุดของห้างย่านสยามเป็นร้านขายสินค้าภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพชายต้องสงสัยวางวัตถุบางอย่างก่อนจะเกิดเหตุ ส่วนอีกห้างที่ห่างกันไม่ไกลมากนักนั้นยังไม่มีรายงานความคืบหน้าแต่อย่างใด 
ต่อมาในเวลา 06.10 น. เกิดเหตุระเบิด จำนวน 1 ลูก ที่หน้าทางเข้าศูนย์ราชการอาคารบี พื้นที่สน.ทุ่งสองห้อง แต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
เวลา 08.30 น. - 08.40 น. ตามลำดับ เกิดเหตุระเบิด จำนวน 1 ลูก หน้าตึกคิงห์พาวเวอร์มหานคร พื้นที่รับผิดชอบสน.ยานนาวา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณข้อเท้า จากนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นอีก 1 ลูก ที่ลานจอดรถหน้าตึกคิงห์พาวเวอร์มหานคร ทำให้ช่างไฟฟ้าได้รับบาดเจ็บบริเวณที่เท้า จำนวน 1 ราย 
เวลา 08.40 น. เกิดเหตุระเบิด จำนวน 1 ลูก หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม(ศรีสมาน) พื้นที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 

เวลา 08.45 น. เกิดเหตุระเบิด จำนวน 1 ลูก ทางออกศูนย์ราชการอาคารบี พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ 
เวลา 09.10 น. เกิดเหตุระเบิด จำนวน 1 ลูก หน้าบก.กองทัพไทย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 
เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่เข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดใกล้กับบก.กองทัพไทย จำนวน 1 ลูก 
ทั้งหมดนี้เป็นลำดับเหตุการณ์การพบวัตถุระเบิดในพื้นที่สำคัญของกทม.และนนทบุรี โดยสรุปได้ว่า พบระเบิด จำนวน 9 ลูก / ระเบิดทำงาน 6 ลูก / เก็บกู้ได้ 3 ลูก รวมไปถึงระเบิดเพลิงจำนวน 6 จุด 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ส.ค.เวลา 12.45 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม  กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่กทม. ว่า เรื่องดังกล่าวมีการรายงานประจำวันให้ตนรับทราบทุกวันถึงความคืบหน้า โดยวันนี้ก็มีความคืบหน้าไปมากมีผู้กระทำความผิดเพิ่มขึ้นถึง 9 คน โดยอยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวน  จากนี้จะต้องมีการสืบสวนต่อเพื่อดำเนินการนำลงโทษตามกฎหมายให้ได้ ด้วยวิธีการตามกระบวนการยุติ ทั้งวัตถุพยาน พยานบุคคลจะต้องทำให้รอบคอบ  ทั้งนี้ รัฐบาลจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดอยากขอคุณเจ้าหน้า และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงประชาชนที่ร่วมกันเป็นหูเป็นตา ตามที่ตนได้เคยพูดไปว่าเราจะรักษาความมั่นคงแบบองค์รวมได้อย่างไร ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินซึ่งต้องเริ่มจากตัวเอง ชุมชน และประชาชนสามารถช่วยรัฐในการถ่ายภาพซึ่งถือเป็นการดี