นางสำเนียง กล่าวต่อว่า ตนอยากให้หน่วยงานภาครัฐช่วยดูแลเรื่องน้ำให้ดีขึ้นกว่านี้ ทางท้องถิ่นมาดูแล้วก็แค่มาชี้แจงว่าจะช่วยเหลือหากข้าวของตนเสียหายทั้งหมด ตายทั้งหมด โดยให้ไร่ละ1,033บาท ตนฟังแล้วก็แค่ทำใจ อย่างไรเสียตนก็ต้องสู้ เพราะตนลงทุนไปหลักแสนแล้ว ยังงัยก็ต้องสู้ต่อ สงสารข้าว สงสารนา ไม่ทำนาก็ไม่รู้จะทำอะไร และทำสำคัญอยากให้ทำฝนเทียมให้บ้าง เพื่อนาจะได้ชุ่มฉ่ำ รอฝนธรรมชาติไม่ได้เรื่องเลย ตกทีก็แค่พรำ ๆ เท่านั้นต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้ามายังพื้นที่ ต.ห้วยคันแหลน และ ต.หลักแก้ว ซึ่งใช้คลองชลประทานเดียวกัน ซึ่งระหว่างทางนั้นพบว่าชาวนาได้ตั้งเครื่องสูบน้ำเรียงรายตลาดคลองกว่า150เครื่อง และเมื่อมาถึงบริเวณบริเวณประตูน้ำสะพานห้วยอีเขียว พื้นที่หมู่ที่5ต.ห้วยคันแหลน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พบว่าชาวนาได้นำเครื่องสูบน้ำกว่า40เครื่องมาตั้งสูบน้ำเพื่อนำไปใช้ในนาของตัวเองเช่นกัน จากการสอบถามนายบุญช่วยคงอ่อน อายุ44ปี ชาวนาในพื้นที่ กล่าวว่า ตนตั้งเครื่องสูบน้ำมา2วันแล้ว นั่งเฝ้านอนเฝ้าทั้งวัน2วันที่สูบน้ำขึ้นมานั้นยังไม่ถึงนาของตนเลย โดยนาของตนห่างไปประมาณ3กิโลเมตร ตนสูบขึ้นไปลงคลองส่งก่อนที่จะไปวิดน้ำเข้านาของตน ไม่ทำก็ไม่ได้ข้าวกำลังแต่งตัว ข้าวกำลังตั้งท้อง ถึงแม้ตนจะทำอยู่แค่20ไร่ แต่ก็ต้องสู้ต่อ น้ำปีนี้มันน้อยจริง ๆ
.
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ในพื้นที่อ.วิเศษชัยชาญ และ อ.สามโก้ มีเกษตรกรชาวนาได้รับผลกระทบจากภัยแล้งแล้วหลายพันไร่ น้ำก็มีน้อย ฝนก็ไม่ตก ถึงจะตกลงมาก็เพียงพรำ ๆ เท่านั้น ไม่ถึงกับทำให้นาชุ่มฉ่ำ จากปริมาณน้ำที่มีน้อย ชลประทานก็ปล่อยน้ำมาให้ได้เท่าที่มี แบ่งสันปันส่วนกันไป อย่างไรก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของชาวนา ข้าวกำลังตั้งท้อง ภัยแล้งก็ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความต้องการน้ำที่มีมาก บางครั้งชาวนาก็มีกระทบกระทั่งกันบ้างเกี่ยวกับการสูบน้ำ เนื่องจากต้องผลัดกันสูบ แต่ที่น่าเป็นห่วงก็พื้นที่บริเวณท้ายทุ่ง และท้ายคลองซึ่งจะไม่มีน้ำเหลือไปถึง และที่สำคัญ เรื่องของขโมยที่ซ้ำเติมชาวนาด้วยกันมาลักเครื่องสูบน้ำบ้าง ลักสายพานเครื่องสูบน้ำบ้าง จนชาวบ้านต้องเฝ้ากันอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า บริเวณท้ายคลองที่ติดต่อกับเขตสุพรรณบุรีคลองชลประทานแห้งขอด บางจุดดาดปูนที่เทไว้ริมคลองนั้น แตกพักเสียหายเนื่องจากในคลองไม่มีน้ำ ชาวบ้านท้ายคลองส่งยังคงตั้งตารอให้น้ำไปถึง เผื่อข้าวตนเองจะได้ผลลิตบ้าง