svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

02 สิงหาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้ต้องสงสัยที่พัวพันกับเหตุการณ์ลอบวางวัตถุคล้ายระเบิดบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเย็นวานนี้ เจ้าหน้าที่ทราบชื่อและประวัติหมดแล้ว บ้านเกิดอยู่นราธิวาส และมีความเกี่ยวข้องเป็นสมาชิกระดับปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบ

เมื่อเวลา 15.40 น.วันที่ 1 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีชายลักษณะผอมสวมเสื้อเหลือง กางเกงขายาวสีดำ สะพายกระเป๋า และสวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ใส่หมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ก่อนโยนวัตถุต้องสงสัยเข้าบริเวณใต้ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ริมถนนพระราม 1 ก่อนวิ่งหลบหนีไปทางแยกเฉลิมเผ่า

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

.

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

โดยวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวเป็นกล่องน้ำผลไม้ มีไฟกระพริบสีเขียว เบื้องต้นตำรวจสันติบาลได้กั้นพื้นที่และประสานเจ้าหน้าที่อีโอดีมาตรวจสอบแล้ว

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

เจ้าหน้าที่ทำการปิดการจราจรถนนพระราม 1 ขาเข้าหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกช่องทาง ก่อนนำรถตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือเข้าที่จุดเกิดเหตุเพื่อทำการตัดสัญญาณมือถือ โดยหน่วยอีโอดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

สถานการณ์ล่าสุด เหตุการณ์พบวัตถุต้องสงสัยหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล่าสุด เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 1 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดถนนตั้งแต่แยกราชประสงค์ จนถึงแยกเฉลิมเผ่า ทั้งขาเข้าและขาออก และยังกันประชาชนออกจากบริเวณสกายวอล์ค ตั้งแต่เซ็นทรัลเวิลด์ จนถึง สยาม

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

เบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดมีความยาวประมาณ 2 นาที จับภาพได้ขณะชายใส่เสื้อเหลืองถือถุงกระดาษ สะพายกระเป๋า ก่อนนั่งลงหยิบวัตถุต้องสงสัยออกมาจากถุงกระดาษ ลักษณะเป็นกล่องขนาดยาวแล้วค่อยๆวางไว้ที่บริเวณซุ้มต้นไม้ด้านหน้าป้าย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่จะค่อยๆ เดินออกมาช้า ๆ โดยระหว่างที่ปฎิบัติการจะมีลักษณะท่าที คอยเหลียวมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างระมัดระวัง

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

มีรายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมการต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะเดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)และมอบนโยบายในวันพรุ่งนี้(2 ส.ค.)


เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

.

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

.

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

รายงานเบื้องต้น วัตถุต้องสงสัยที่พบ มีลักษณะคล้ายระเบิด ไม่มีเชื้อ ตัวจุดระเบิด น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ทำให้ตกใจ แตกตื่น

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

ต่อมา ได้มีการเผยภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุมของผู้ต้องสงสัยวางวัตถุคล้ายระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

ต่อมาเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 2 ส.ค.ที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนคดีเหตุชายยัดวัตถุต้องสงสัยเข้าไปบริเวณใต้ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ริมถนนพระราม 1 โดยใช้เวลา กว่า 3 ชั่วโมง ก่อนทางพล.ต.ต.สุวัฒน์ พร้อมปฏิเสธให้ข่าว โดยให้สอบถาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในส่วนรายละเอียดของคดีนี้
ทั้งนี้ต่อมาเมื่อเวลา 02.00 น. มีรายงานข่าวแจ้งอีกว่า ทางตำรวจชุดสืบสวน สามารถจับกุมชายต้องสงสัย จำนวน 2 ราย ได้บนรถขนส่งผู้โดยสารบขส. ขณะเข้าจุดตรวจปฐมพร ถนนเพชรเกษม ตำบลวังไผ่ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากภายหลังเกิดเหตุ ทางตำรวจชุดสืบสวนได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทันที จนพบว่าผู้ก่อเหตุ มีจำนวน 2 ราย โดยรายแรกทำหน้าที่ดูต้นทางอยู่บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ส่วนอีกรายที่ปรากฎตามกล้องวงจรปิดนั้น หลังก่อเหตุได้เดินไปพบกันที่จุดนัดพบบนสกายวอร์ค สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ก่อนพากันเข้าไปยังห้างสยามพารากอน

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.


หลังจากสอบปากคำสองชายต้องสงสัยที่ก่อเหตุลอบวางวัตถุต้องสงสัยบริเวณใต้ป้าย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ริมถนนพระราม 1 ทั้งคู่ยังคงให้การปฏิเสธ แต่ข้อมูลจากแนวทางการสืบสวนพบคนร้าย มีการเตรียมตัวมาอย่างดี และข้อมูลจากกล้องวงจรปิดว่าคนร้ายมีการแบ่งงานกันทำ โดยคนแรกทำหน้าที่ดูต้นทางใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ส่วนอีกรายเป็นผู้นำวัตถุคล้ายระเบิดมาวาง หลังก่อเหตุไปพบกันบนสกายวอร์ค ก่อนเข้าเปลี่ยนชุดในห้างสยามพารากอน เพื่ออำพรางสายตาเจ้าหน้าที่

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.


ต่อมาได้เดินไปขึ้นรถแท็กซี่ไปลงที่สวนจตุจักร ก่อนต่อรถแท็กซี่อีกคันไปยังสถานีขนส่งหมอชิต 2 แล้วเข้าไปเปลี่ยนชุดอีกครั้งในห้องน้ำของสถานี ก่อนจะซื้อตั๋วรถโดยสาร หลบหนีลงจังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งจากข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่สืบทราบได้มานั้นจะทำให้เห็นว่าคนร้ายมีการวางแผนอย่างรัดกุม เหมือนมืออาชีพ หรือถูกฝึกมาให้ก่อเหตุวินาศกรรม

ทั้งนี้มีหลักฐานสอดรับเป็นคำให้การของโชเฟอร์แท็กซี่ที่รับคนร้ายไปส่งที่สถานีขนส่งจตุจักร ได้ให้การกับตำรวจว่า ได้ยินสองผู้ต้องสงสัยพูดจาด้วยภาษายาวี ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่มีนั้นทางเจ้าหน้าที่เตรียมสอบปากคำและสืบสวนขยายผลว่าจะมีแรงจูงใจใด ในการก่อเหตุอย่างไรและเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้หรือไม่

ประเด็นหลักของข้อมูลที่น่าสนใจก็คือการเดินทางของผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ใช้แท็กซี่เป็นหลัก และมุ่งหน้าไปสถานีขนส่งหมอชิต แต่กลับเดินทางไปภาคใต้ จากการตรวจสอบของ "ทีมข่าว" ทราบว่า มีรถบขส.วีไอพี ของบางบริษัทเดินรถ ที่ให้บริการไปรับผู้โดยสารที่ต้องการลงใต้ โดยไปรับที่สถานีขนส่งหมอชิต แสดงว่าคนร้ายวางแผนมาเป็นอย่างดี และมุ่งหน้าไปที่หมอชิต เพื่อหลบเลี่ยงการไล่ติดตามของเจ้าหน้าที่ที่อาจมุ่งไปที่สายใต้ก่อน หากพุ่งเป้าว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนถูกจับกุมที่สี่แยกปฐมพร จังหวัดชุมพร และถูกคุมตัวไปสอบปากคำ โดยหนึ่งในสองคนนี้ ทราบชื่อคือ นายลูไอ แซแง ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านกาโดะ หมู่ 4 ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เป็นสมาชิกระดับปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำหน้าที่ดูแลกลุ่มเยาวชนในพื้นที่

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.

.

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.


ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่งยังไม่พบประวัติเกี่ยวพับกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง แต่หลักฐานจากกล้องวงจรปิดชัดเจนว่า เป็นผู้ก่อเหตุลอบวางวัตถุคล้ายระเบิดที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างแน่นอน

เปิดประวัติผู้ต้องสงสัยวางบึ้มหน้า สตช.


สำหรับแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่หลังจากนี้ กำลังตรวจสอบย้อนหลังความเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัยทั้งสองคน เพื่อดูว่าเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดตรงจุดอื่นด้วยหรือไม่ โดยจะต้องตรวจสอบการเดินทาง ที่พัก และการพบปะกับมือระเบิดคนอื่น เพราะเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าไม่ได้ก่อเหตุแค่ 2 คน

logoline