svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

พื้นที่การเกษตรเสียหายจาก 'ภัยแล้ง' กว่า 2 แสนไร่

02 สิงหาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมส่งเสริมการเกษตรพบพื้นที่การเกษตรเสียหายสิ้นเชิงจากสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงกว่า 2 แสนไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าว ล่าสุดประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว 3 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ สุพรรณบุรี และชัยภูมิ

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สำราญ สาราบรรณ์ ระบุกรมฯได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการณ์แล้งฝนทิ้งช่วง ปี 2562 หรือ War Room เพื่อสำรวจติดตามสถานการณ์ภัยแล้งทุกจังหวัด และจัดทำสถานการณ์พื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่เสียหาย ผ่านระบบสารสนเทศการผลิตทางด้านการเกษตรของกรมฯ พร้อมทั้งให้ War Room จังหวัดรายงานสถานการณ์เข้ามาทุกวันอังคารของสัปดาห์นั้นจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2562 ได้สรุปสถานการณ์พืชเศรษฐกิจหลักสำคัญ 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และอ้อย พบว่า มีพื้นที่ปลูกหรือคาดว่าจะปลูกทั้งหมด จำนวน 86,552,108 ไร่ โดยเป็นพื้นที่เพาะปลูกแล้ว 72,750,126 ไร่ คิดเป็น 84% พื้นที่ยังไม่เพาะปลูก 13,801,983 ไร่ หรือ 16%


พื้นที่การเกษตรเสียหายจาก 'ภัยแล้ง' กว่า 2 แสนไร่




สำหรับพื้นที่เพาะปลูกแล้วเสียหายสิ้นเชิง เบื้องต้นพบว่ามีจำนวน 229,648 ไร่ หรือ 0.31% แยกเป็น ข้าว 156,881 ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 62,817 ไร่ มันสำปะหลัง 8,621 ไร่ และอ้อยโรงงาน 1,329 ไร่ ขณะนี้มีจังหวัดที่รายงานพื้นที่การเกษตรเสียหายเบื้องต้น และผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ สุพรรณบุรี และชัยภูมิ


การดำเนินงานของกรมฯ ระยะเร่งด่วน ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาน้ำเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ผ่านกลไกของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด และคณะทำงานปฏิบัติการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับอำเภอ การวางแผนช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง ได้แก่ เตรียมการวางแผนระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาวะที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ แนะนำวิธีการดูแลรักษาพืชในภาวะแห้งแล้งฝนทิ้งช่วง ส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อยทดแทนการเพาะปลูกข้าวในช่วงเดือนสิงหาคม กันยายน 2562

พื้นที่การเกษตรเสียหายจาก 'ภัยแล้ง' กว่า 2 แสนไร่




นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำในการสำรองแหล่งน้ำ หรือขุดบ่อน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ฝนตกลงมา รวมถึงการสำรวจแหล่งน้ำ อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ของจังหวัด การแจ้งเตือนเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกพืช ให้มาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร โดยเน้นให้เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอ/เกษตรจังหวัดทำงานเชิงรุกลงพื้นที่ให้บริการเกษตรกรปรับปรุง ขึ้นทะเบียนเกษตรกร การปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ผ่านแอปพลิเคชัน Farmbook สำหรับเกษตรกรรายเดิม เพื่อขอรับสิทธิ์ในการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ



ส่วนระยะกลางและระยะยาว เน้นสร้างการรับรู้ต่อเนื่อง ได้แก่ การให้คำแนะนำในการติดตามสถานการณ์น้ำ การติดตามข่าวสารลักษณะอากาศจากประกาศของกรมอุตินิยมวิทยา ให้แนะนำการดูแลรักษาพืช การระวังป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำพื้นที่สวนกล้วยไม้ การจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่สวนไม้ผล การประสานหน่วยงานจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร หรือบ่อบาดาล ปรับระบบการเกษตรโดยสร้างแหล่งน้ำในไร่นาตามศาสตร์พระราชาและเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำตลอดช่วงฤดูฝนถึงฤดูแล้ง รวมทั้งประเมินและวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์ในภาพรวม เพื่อเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป


พื้นที่การเกษตรเสียหายจาก 'ภัยแล้ง' กว่า 2 แสนไร่




ส่วนมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากแล้งหรือฝนทิ้งช่วงในปีนี้ ยังยึดหลักเกณฑ์ช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง และการประกันภัยพืชผลสำหรับเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ซึ่งได้ซื้อประกันภัยไว้แล้ว การสนับสนุนโครงการเสริมสร้างอาชีพแก่เกษตรกรซึ่งจะมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การปลูกพืชอายุสั้น การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การผลิตสารชีวภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืช การเลี้ยงสัตว์


สำหรับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แล้งและฝนทิ้งช่วงต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมฯก่อนเกิดภัย และจะช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่เสียหายจริง ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ โดยมีอัตราการให้ความช่วยเหลือ คือ ข้าว 1,113 บาท/ไร่ พืชไร่ 1,148 บาท/ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 1,690 บาท/ไร่ ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่เข้าร่วมโครงการประกันภัยกับ ธ.ก.ส. เมื่อเกิดความเสียหายและได้รับการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ เกษตรกรจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ดังนี้ ประกันภัยข้าวนาปี เบี้ยประกัน 85 บาท/ไร่ ได้รับค่าสินไหมทดแทน 1,260 บาท/ไร่ ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เบี้ยประกัน 59 บาท/ไร่ ได้รับสินไหมทดแทน 1,500 บาท/ไร่


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเข้าสู่ช่วงเดือนสิงหาคมแล้ว คาดว่า ปัญหาจากสถานการณ์แล้งหรือฝนทิ้งช่วงที่เกิดขึ้นจะบรรเทาลงและดีขึ้นในไม่ช้านี้

logoline