วิกฤตน้ำแม่โขง​! กระทบประมง​ ชาวเชียงคาน​ เปลี่ยนเรือหาปลาเป็นเรือนำเที่ยว​ ดิ้นหาเงินเลี้ยงชีพ

30 ก.ค. 62 - นายทองอินทร์ เรือนคำ อายุ 64 ชาวประมงไทบ้าน อ.เชียงคาน จ.เลย บอกว่า ปกติแล้วในช่วงฤดูน้ำหลากแม่น้ำโขงจะมีระดับเกือบถึงตลิ่งบนสุด แต่ว่าปีนี้น้ำโขงลดลงอย่างมาก ไม่เคยเห็นมาก่อน สันดอนทรายโผล่ ซึ่งน้ำที่ลดลงทำให้ชาวประมงจับปลาได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนๆ ซึ่งช่วงน้ำหลากจะเป็นช่วงที่จะจับปลาได้น้อย

อาจเป็น เรื่องดีที่ชาวประมงจับปลาได้มากในช่วงเวลานี้แต่ในระยะยาวพอถึงฤดูแล้งก็จะไม่สามารถจับได้เพราะไม่มีใครรู้ว่าน้ำจะขึ้นมาอีกหรือไม่ และแทบไม่มีปลาเหลือให้จับเพราะหลงฤดู เมื่อจับปลาได้น้อยลง ในระยะยาว อาชีพประมงจึงกลายเป็นอาชีพเสริมไป ตนจึงต้องไปรับจ้างก่อสร้างและทำไร่ทำนาซึ่งก็มีรายได้ไม่พอกิน

ด้าน นายประยูร แสนแอ อายุ 61 ชาวประมงไทบ้าน อ.เชียงคาน จ.เลย บอกว่า หลังปี 2532 ไม่เคยเห็นปลาบึก ในอำเภอเชียงคานได้อีกเลย เชื่อว่าเป็นผลกระทบจากการสร้างเขื่อนไซยะบุรี ในสปป.ลาว ที่ขัดขวางการอพยพของปลา ทำให้ปลาบึกมีอยู่เพียงแค่แถบเชียงแสน ว่ายมาเชียงคานไม่ได้ เพราะถูกเขื่อนกั้น ในขณะที่ปลาชนิดอื่นๆก็เริ่มลดน้อยลงเป็นผลมาจากระดับน้ำโขงที่ขึ้นลงขึ้นลงไม่เป็นไปตามฤดูกาล ทำให้การวางไข่ของปลาลดน้อยลงหรือไม่ฟักเป็นตัวเพราะถูกกระแสน้ำขึ้นลงพัดหายไป แต่ก็ยังต้องทำอาชีพประมงต่อไปจนกว่าจะไม่มีปลาให้จับ 

ขณะที่ นายชาญณรงค์ วงศ์ลา นัวิจัยไทบ้าน สกว.ผู้ประสานกลุ่มวิหาสกิจ ชุมชมท่องเที่ยวเกษตรริมโขง ประมงพื้นบ้านเชียงคานบอกว่า เมื่อมีผลกระทบเกิดขึ้นกับชาวประมงที่หาปลาได้น้อยลง อาชีพที่เคยทำมาก็อาจจะหายไป เรือประมงหลายลำของชาวบ้านเริ่มเปลี่ยนไปเป็นเรือนำนักท่องเที่ยวล่องชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำโขง ซึ่งการปรับตัวหารายได้จากการท่องเที่ยวนั้นก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ชาวบ้านต้องดิ้นรนเพื่อให้มีรายได้เพียงพอเลี้ยงปากท้อง ทดแทนกับอาชีพประมงที่หายไป ซึ่งก็เป็นการปรับตัวที่ไม่มีใครอยากจะให้มาถึงจุดนี้ สิ่งที่อยากอ้อนวอน ถ้าขอได้ก็ควรจะหยุดทำลายธรรมชาติได้แล้วเพราะที่มี อยู่ก็บอกช้ำมากเพียงพอแล้ว.