ลบคำปรามาส "รัฐบาลบิ๊กตู่" ต้องเร่งสร้างผลงาน

ดังเช่น สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน ตั้งข้อสังเกตว่า ภายใต้โลกาภิวัตน์ที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความท้าทายจากสงครามการค้า การรับมือกับความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาความถดถอย และอุปสรรคในการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชน ปัญหานักท่องเที่ยวที่ลดกว่า 30% รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งสภาพของรัฐบาลที่มี "เสียงปริ่มนํ้า" เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งเตรียมมาตรการเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ซึ่งไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถนำนโยบายที่นำเสนอนี้แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับประเทศได้ โดยวิเคราะห์จากความล้มเหลวของรัฐบาลที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เรื่องความเชื่อมั่นและความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากการติดตามการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ มั่นใจว่าประชาชนทั้งไทย และต่างชาติ ไม่ได้มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลชุดนี้เลย และไม่เชื่อมั่นว่าภายใต้นายกฯ คนเดิม หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนเดิม ครม.หน้าเดิมๆ จะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประเทศได้ ทั้งไม่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีศักยภาพเพียงพอในการนำเอานโยบายไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน 
นั่นคือบางส่วนของข้อท้วงติงที่ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รวมถึง "ครม.ประยุทธ์ 2/1" ถือเป็นการ"สบประมาท" หรือ "ปรามาส" จากฝ่ายค้านก็ว่าได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ "รัฐบาลประยุทธ์ 2" จะต้องร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกัน ผลักดันนโยบายที่ประกาศเป็น "สัญญาประชาคม" ไว้ ไปสู่การสร้างผลงานให้เห็นผลเป็น "รูปธรรม" ออกมาให้ได้ หากทำได้นอกจากจะส่งผลดีต่อความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว ความนิยมต่อ "บิ๊กตู่" และรัฐบาลก็จะดีตามไปด้วย
อ่า... แม้จะเป็นครั้งแรกของ "บิ๊กตู่" ที่ได้ทำหน้าที่ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ในฐานะนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของสภาผู้แทนราษฎร แต่ลีลาการชี้แจง และตอบโต้ฝ่ายค้านในสภาก็ไม่เลวเสียทีเดียว มีทีเล่นทีจริง ดุดันบ้างในช่วงบางเวลาตามสไตล์คนที่เป็นทหารมาตลอดชีวิต "ผมอาจจะพูดเร็วไปนิดหนึ่ง พูดไม่ชัดบ้าง กลืนน้ำลายบ้าง ผมเป็นมนุษย์ ถ้าท่านพูดเก่งก็เรื่องของท่าน แต่ผมพูดแล้วทำไปด้วย ...ผมเสียงดังไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้พูดนานแล้ว ผมเองก็มีตัวตนของผมเหมือนกัน เขาบอกให้ผมพูดอย่างสุภาพ แต่ตอนนี้ผมกำลังยิ้มอยู่ ท่านบอกว่าต้องการงบประมาณ ต้องถามว่างบประมาณมาจากไหน แต่ต้องตอบด้วยว่าจะเอางบประมาณมาจากไหน ถ้าไม่ใช่จากภาษีเงินกู้ ทั้งนี้ที่ตั้งงบประมาณขาดดุลไว้ก็เป็นการเผื่อ เพราะหากมีความจำเป็นก็จะต้องกู้ และที่ผ่านมางบประมาณประจำปีมีประมาณ 2 ล้านล้านบาท แล้วทำไมไม่เห็นจะเกิด ถนน รถไฟ รถไฟฟ้า และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) อย่างที่ผมทำในวันนี้ ตอบคำถามผมให้ได้ด้วย จะเกิดหนี้ แต่ก็สร้างรายได้ หลายประเทศบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารักประเทศไทย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนบางกลุ่มถึงไม่รักประเทศไทย" 
... นี่คือลีลาของ "บิ๊กตู่" ที่นานๆ ทีเราจะได้เห็นลีลาแบบนี้...

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3491 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 28-31 ก.ค.2562 โดย... ว.เชิงดอย