หลานเจ้าอาวาสตั้งบริษัทปล่อยเช่าที่วัดรับส่วนต่าง

"เป็นปาก...เป็นเสียง" ลงพื้นที่พูดคุยกับกลุ่มผู้เช่าอาคารพาณิชย์ 51 คูหาบนที่ดินของวัดอรัญญิกาวาส จังหวัดชลบุรี ที่อ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากค่าเช่าอัตราใหม่ที่ทางวัดมอบสิทธิ์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งมีกรรมการเป็นเครือญาติกับเจ้าอาวาสเข้าบริหารดูแลกลุ่มผู้เช่าให้ข้อมูลว่า เดิมทีพวกตนเช่าอาคารกับบริษัทแห่งหนึ่งที่ได้รับสัมปทานจากวัดมานานหลายสิบปี โดยคิดค่าเช่าห้องละ 600 บาทถึง 1,200 บาทต่อเดือน และบริษัทจ่ายค่าเช่าให้กับวัด 400-600 บาทต่อห้อง โดยปรับอัตราค่าเช่าทุกๆ 10 ปี ซึ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหา

แต่ก่อนหมดสัญญาเมื่อกลางปีที่แล้ว มีบริษัทแห่งใหม่เข้ามารับช่วงต่อ และได้ทำสัญญาผ่านกรรมการจัดประโยชน์ของวัดรายหนึ่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของเจ้าอาวาส ปรากฏว่าค่าเช่าอาคารที่บริษัทจะมอบให้วัดสูงกว่าอัตราเดิมเพียงเล็กน้อย แต่ค่าเช่าที่บริษัทเรียกเก็บใหม่กับผู้เช่า เพราะต้องทำสัญญาใหม่ ปรากฏว่าพุ่งขึ้นไปถึง 10 เท่า เช่น จาก 500 บาท เป็น 5,000 บาท ซ้ำยังมีค่าแป๊ะเจี๊ยะ หรือที่เรียกว่ า"ค่าสิทธิการเช่า" ที่สูงหลักแสนบาท ทำให้ผู้เช่าได้รับความเดือดร้อน
ผู้เช่าไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงเข้าร้องเรียนกับสมาชิกวุฒิสภา พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม ซึ่ง ส.ว.สมเจตน์ เห็นว่าเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะการทำสัญญาปล่อยเช่าให้บริษัทที่เป็นเครือญาติของเจ้าอาวาส ซึ่งบริษัทนี้เพิ่งจดทะเบียนตั้งขึ้นสดๆ ร้อนๆ เพียง 2 วันก่อนทำสัญญาเช่าอาคารกับทางวัด แล้วนำมาเจรจาเช่าช่วงต่อกับผู้เช่ารายเดิมในอัตราค่าเช่าที่สูงกว่าเดิมมาก ทำให้วัดเสียประโยชน์ และผู้เกี่ยวข้องอาจเข้าข่ายกระทำความผิด โดยเฉพาะเจ้าอาวาสที่มีสถานะเป็น "เจ้าพนักงาน" ตามพระราขบัญญัติคณะสงฆ์ ส.ว.สมเจตน์ จึงส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวน แต่ก็ไร้ความคืบหน้า แถมผู้เช่าที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมบางรายยังถูกแจ้งความดำเนินคดีอีกด้วย