ปตท.สผ.โกยกำไรครึ่งปีแรก 2.6 หมื่นล้าน
ปตท.สผ. โกยกำไรครึ่งปีแรก 2.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% ซึ่งเป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการทำให้ปริมาณการขายเติบโตตามเป้าหมาย ผนวกกับราคาขายผลิตภัณฑ์สูงขึ้น พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 2.25 บาทต่อหุ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สผ.พงศธร ทวีสิน ระบุ ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวม 3,001 ล้านดอลลาร์ หรือ 94,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 326,971 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 297,999 บาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากการเข้าซื้อสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเติมในแหล่งบงกช
ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 47.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 45.51 ดอลลาร์ ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 827 ล้านดอลลาร์ หรือ 26,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 433 ล้านดอลลาร์ หรือ 13,684 ล้านบาท โดยปัจจัยบวกมาจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้มีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติรวม 44 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการรับรู้ขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติรวม 223 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปี 2561 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง
จากผลประกอบการดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ จึงอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ. งวด 6 เดือนแรกปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 2.25 บาท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 8 สิงหาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 สิงหาคม 2562
ส่วนความคืบหน้าแผนการเปลี่ยนผ่านสิทธิการดำเนินการนั้นเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บริษัทรับรู้ปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 48,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณการขายเฉลี่ยเป็นไปตามเป้าหมายของปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 345,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
สำหรับแผนงานจากนี้ไป ปตท.สผ. จะให้ความสำคัญกับเปลี่ยนผ่านสิทธิการดำเนินการให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยในส่วนโครงการที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการของเมอร์ฟี่ฯ ในประเทศมาเลเซียนั้น บริษัทได้ตั้งทีมงานขึ้นโดยเฉพาะเพื่อดูแลเกี่ยวกับการโอนการดำเนินงาน
สำหรับ แปลง G1/61 หรือแหล่งเอราวัณ และแปลง G2/61 หรือแหล่งบงกช ซึ่ง ปตท.สผ. ชนะการประมูลนั้น อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติและผู้ดำเนินการปัจจุบันของแปลง G1/61 เรื่องการประสานงานเพื่อเข้าพื้นที่ภายในปีนี้ เพื่อให้ ปตท.สผ. สามารถวางแผนการลงทุนล่วงหน้า เช่น การติดตั้งแท่นและหลุมเจาะที่จะใช้ในปี 2565 เมื่อบริษัทเข้าเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานในประเทศได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่อง