svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สหรัฐฯ จ้องล้มอิหร่าน ล้มผู้นำสูงสุด เพื่อประโยชน์ใคร

24 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เหตุการณ์สำคัญก็คือในช่วงที่ อิหร่านนั้นมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่า ดร.โมซัดดิก ซึ่งเขาคนนี้ เป็นคนที่เดินหน้าไปยึดผลประโยชน์ของประเทศที่ตกอยู่ในมือชาวต่างชาติทั้งหมดกลับคืนมาสู่รัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เวลานั้นผลประโยชน์ด้านพลังงานทั้งหมดตกอยู่ในมือของพวกสหรัฐฯ จุดนี้เองที่ทำให้สหรัฐฯ เป็นเดือดเป็นแค้นทางด้าน ดร.โมซัดดิก เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นสหรัฐฯ จึงเดินเกมให้ CIA เข้าไปหนุนทางด้าน พระเจ้าซาร์ ยึดอำนาจทางด้าน ดร.โมซัดดิก และก็เป็นผลด้วย ในช่วงนั้นสหรัฐฯ กลับมามีอำนาจในอิหร่านอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สหรัฐฯ เดินหน้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้อิหร่านเป็นว่าเล่น จนทำให้กองทัพของอิหร่านนั้นยิ่งใหญ่กว่าใครในตะวันออกกลาง

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน กับ สหรัฐฯ คงจะยังลุกลามบานปลายไปเรื่อยๆ โดยที่จะหาจุดลงตัว หรือข้อยุติลงได้ในขณะนี้เมื่อล่าสุดทางด้าน อิหร่านจับกุมผู้ต้องสงสัย 17 ราย โดยคนเหล่านี้ถูกสงสัยว่าเป็นสายลับให้สหรัฐฯ และถูกตัดสินประหารชีวิตไปบางราย หลังจากสามารถทลายเครือข่ายสายลับแห่งหนึ่งของ CIA
เจ้าหน้าที่กระทรวงข่าวกรองอิหร่าน บอกเรื่องนี้กับสื่อมวลชน ว่าหน่วยงานความมั่นคงประสบความสำเร็จในการทลายเครือข่ายสายลับของ CIA ส่งผลให้บรรดาคนที่ทรยศต่อประเทศอย่างจงใจ ถูกส่งตัวไปยังศาลยุติธรรม บางคนถูกตัดสินประหารชีวิตและถูกจำคุกระยะยาว ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ถูกจับกุมระหว่างเดือนมีนาคม 2018 ถึงเดือนมีนาคม 2019
ในการแถลงข่าวมีการแจ้งว่ามีคนถูกชักชวนให้เป็นสายลับของสหรัฐฯ แต่ทว่าอิหร่านได้ผนึกกำลังกับทางด้านพันธมิตรต่างประเทศ แต่ไม่ได้ระบุว่ามีประเทศใดบ้าง แต่ในการแถลงข่าวมีการระบุตัวตนของสายลับทั้ง 17 คน โดยทั้งหมดเป็นช่าวอิหร่าน หน่วยข่าวกรองของอิหร่านยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าคนเหล่านี้หลงเชื่อทางด้าน CIA ของสหรัฐฯ ว่าจะดำเนินการจัดทำวีซ่าให้พวกเขาเดินทางเข้าสหรัฐฯ ทันทีหากเกิดเหตุในการติดตามจับกุม ยังมีการสอนให้มีการตั้งค่าความปลอดภัยระดับสูงในการสื่อสารระหว่างกัน นอกจากนั้น CIA ยังได้สั่งการให้ทั้งหมดรีบทำลายหลักฐานเอกสาร ทั้งหมดเมื่อถูกบุกเข้าจับกุม และถูกสั่งให้ไปบริเวณช่องทางฉุกเฉินบริเวณพรมแดน ที่มีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ทว่าท้ายที่สุดทั้งหมดก็ถูกจับกุม
อิหร่านขัดแย้งกับสหรัฐฯและพันธมิตร นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ ที่ให้ระงับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านแลกกับการหยุดคว่ำบาตร คณะบริหารของสหรัฐฯ ได้กลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้งหลังจากนั้น ซึ่งอิหร่านตอบโต้ด้วยการเสริมสมรรถนะของยูเรเนียมเกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์

สหรัฐฯ จ้องล้มอิหร่าน ล้มผู้นำสูงสุด เพื่อประโยชน์ใคร


ในช่วงเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา มีข่าวออกมาว่าโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมการให้กองทัพอากาศเข้าโจมตีอิหร่าน แต่ทว่าสั่งระงับไปในท้ายที่สุด แต่ความตึงเครียดได้เพิ่มขึ้น เมื่อทางการอังกฤษยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าบริษัทได้ส่งน้ำมันไปยังซีเรีย ฝ่าฝืนการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป หรือว่าอียู ในขณะที่ทางด้านอิหร่านได้ตอบโต้ด้วยการยึดเรือบรรทุกน้ำมันที่ติดธงชาติอังกฤษในช่องแคบฮอร์มุซเมื่อวันศุกร์ ที่ 19 กรกฎาคม 2562 สร้างความไม่พอใจให้กับอังกฤษ
และดูเหมือนว่าความขัดแย้งทั้งหมดจะยิ่งทวีความรุนแรง บานปลายออกไปทุกขณะ มีหลายคนตั้งคำถามเข้ามายังผู้เขียนว่า เหตุใด ทำไมสหรัฐฯ ถึงโกรธอิหร่านมากมายขนาดนั้น ทำไมสหรัฐฯ จึงคิดจะทำลายอิหร่าน แค่เรื่องนิวเคลียร์ หรือ มีเรื่องอื่นแอบแฝง ดังนั้นเพื่อจะตอบสิ่งที่หลายคนอยากรู้ ก็ได้ไล่เรียงเรื่องราวมาให้อ่านกันถ้าพูดถึงเปอร์เซีย ก็ต้องพูดถึงอิหร่าน เพราะมีหลักฐานว่าประเทศแห่งนี้เป็นชุมชนมายาวนานกว่า 6 พันปี กันเลยทีเดียว โดยอิหร่านผ่านการปกครองของพวกมีด ตอนนั้นมีเมืองหลวงที่เมืองฮะมะดอน ก่อนที่จะถูกพวกเปอร์เซียโค่นล้มแล้วก็ตั้งอาณาจักรอาคีเมนิด ซึ่งแน่นอนว่าในยุคนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของพวกเปอร์เซีย แต่ทว่าในช่วงท้ายพวกเปอร์เซีย ก็ทำสงครามกับพวกโรมัน สุดท่้่าย ก็ถูกอาหรับเข้าตีเปอร์เซีย แล้วสร้างราชวงศ์อุมัยยะขึ้นมาปกครอง โดยตอนนั้นศูนย์กลางอยู่ที่กรุงดามัสกัสในปัจจุบันนี้ ก่อนที่จะถูกราชวงศ์อับบาซียะห์ ขึ้นมาปกครองแทน แต่ในยุคนี้ ศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่กรุงแบกแดดของอิรัก ในปัจจุบัน การเข้าปกครองเปอร์เซีย ของกลุ่มอาหรับ ใช้เวลายาวนานเกือบ 600 ปี เป็นเหตุให้บรรดาชาวเปอร์เซีย หันมานับถือศาสนาอิสลามตามแบบฉบับชาวอาหรับ
ไม่มีอะไรจีรัง ยั่งยืนยุคต่อมาเป็นยุคของพวกมองโกล จากเอเซียกลางเข้ายึดครองศูนย์กลางอำนาจและราชวงศ์อับบาซียะห์ ถูกทำลายลง ก็เกิดราชวงศ์หยวน ซึ่งราชวงศ์ดังกล่าวมีการปกครองอยู่ในจีนเช่นกันทำให้ เปอร์เซียกับจีนจึงมีการติดต่อแลกเปลี่ยนกันทั้งการค้าและศิลปวัฒนธรรม กาลเวลาผ่านไปมองโกล ก็เสื่อมความขลัง หมดอำนาจ เปอร์เซียก็รื้อฟื้นราชวงศ์ตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง นั่นก็คือราชวงศ์ซาฟาวี โดยย้ายเมืองหลวงไปที่อิสฟาฮาน

สหรัฐฯ จ้องล้มอิหร่าน ล้มผู้นำสูงสุด เพื่อประโยชน์ใคร

จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เกิดประเทศอิหร่านแบบเต็มตัวเมื่อผู้ปกครองอิหร่านสนับสนุนให้ศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์เป็นศาสนาประจำชาติ ส่วนคู่แข่งของเปอร์เซียในสมัยนั้นก็คือพวกจักรวรรดิออตโตมัน และเกิดการกบฎครั้งใหญ่ขึ้นมาราชวงศ์ซาฟารี ก็ไม่สามารถที่จะปราบกบฎดังกล่าวได้ สุดท้ายก็พังลงอีกครั้ง กลุ่มกบฎ ได้ตั้งราชวงศ์ขึ้นมาปกครองเรียกว่าราชวงศ์อัฟชารี แต่ก็ไปไม่รอดเช่นกัน
มีการเปลี่ยนเมืองหลวงอีกครั้งมาเป็นเมืองชีราซ และมีการตั้งราชวงศ์ซันด์ แต่ก็ปกครองได้ไม่นาน ก็เกิดการย้ายเมืองหลวงมายังกรุงเตหะราน แล้วก็มีการตั้งราชวงศ์กอญาร์ โดยในช่วงนั้นอิหร่านอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซีย และก็อังกฤษ และในช่วงเวลานั้นอิหร่านกับรัสเซีย เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน มีการสู้รบกันหลายครั้ง และอิหร่านก็เสียดินแดนให้กับรัสเซียเป็นจำนวนมาก
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอิหร่านเกิดขึ้นปี 1905 เมื่อมีการปฎิวัติ แล้วก็ให้มีการจำกัดอำนาจของกษัตริย์ สุดท้ายปี 1921 มีนายทหารคนหนึ่งชื่อว่าเรซา ข่าน ก็ได้ปฎิวัติล้มราชวงศ์กอญาร์ แล้วก็ตั้งราชวงศ์ปาห์ลาวี แล้วก็แต่งตั้งตนเองเป็นกษัตริย์ เปลี่ยนชื่อจากเปอร์เซีย เป็นอิหร่าน ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคที่อิหร่านมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างโดยมีความพยายามสร้างประเทศให้เป็นตะวันตก โดยมีการเชื้อเชิญให้ชาวตะวันตกเข้ามาในประเทศ โดยเฉพาะพวกสหรัฐฯ ที่ได้เข้ามาสร้างผลประโยชน์ด้านน้ำมันเป็นจำนวนมาก เรซา ข่าน ที่ตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ ถึงกับให้สิทธิพิเศษ กับคนพวกนี้คือถ้าทำผิดก็ยอมให้ใช้กฎหมายของประเทศต้นสังกัดในการพิจารณาโทษ แต่ทว่าเกิดเหตุ รัสเซีย กับ อังกฤษบุกอิหร่านอีกครั้ง ตอนสงครามโลก ครั้งที่สอง ทำให้เรซา ข่าน ถึงกับสละตำแหน่งให้โอรส โมฮัมมัด เรซา ปาห์ลาวี ขึ้นครองอำนาจ
เหตุการณ์สำคัญก็คือในช่วงที่ อิหร่านนั้นมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่า ดร.โมซัดดิก ซึ่งเขาคนนี้ เป็นคนที่เดินหน้าไปยึดผลประโยชน์ของประเทศที่ตกอยู่ในมือชาวต่างชาติทั้งหมดกลับคืนมาสู่รัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เวลานั้นผลประโยชน์ด้านพลังงานทั้งหมดตกอยู่ในมือของพวกสหรัฐฯ จุดนี้เองที่ทำให้สหรัฐฯ เป็นเดือดเป็นแค้นทางด้าน ดร.โมซัดดิก เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นสหรัฐฯ จึงเดินเกมให้ CIA เข้าไปหนุนทางด้าน พระเจ้าซาร์ ยึดอำนาจทางด้าน ดร.โมซัดดิก และก็เป็นผลด้วย ในช่วงนั้นสหรัฐฯ กลับมามีอำนาจในอิหร่านอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้สหรัฐฯ เดินหน้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้อิหร่านเป็นว่าเล่น จนทำให้กองทัพของอิหร่านนั้นยิ่งใหญ่กว่าใครในตะวันออกกลางในช่วงนั้น ด้านพระเจ้าซาร์ ก็บ้าอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้มีนักการศาสนา ที่ชื่อว่า โคมัยนี ได้ออกมาวิจารณ์ การกระทำของพระเจ้าซาร์ จนท้ายที่สุดถูกจับกุมและถูกเนรเทศ ไปอยู่ต่างประเทศ แต่เขาไม่หยุดการเคลื่อนไหว โดยเขาได้เผยแพร่ข้อมูลความไม่ชอบมาพากลของพระเจ้าซาร์ หรือกษัตริย์ อย่างต่อเนื่อง จนท้ายที่สุดมีการโค่นล้มอำนาจของซาร์ เกิดขึ้น ในปี 1979 ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดระบอบกษัตริย์ในอิหร่าน

สหรัฐฯ จ้องล้มอิหร่าน ล้มผู้นำสูงสุด เพื่อประโยชน์ใคร

ทางด้านโคมัยนีเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งตอนนั้นโคมัยนี ก็เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ จนกระทั่งถึงช่วงประธานาธิบดีคนที่ 3 คือทางด้าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ทางด้านโคมัยนี ก็ถึงแก่กรรม อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี จึงถูกยกขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดจนปัจจุบันนี้ถามว่าเหตุใดสหรัฐฯ ถึงจ้องล้ม อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ถ้าดูจากประวัติแล้วก็จะเห็นว่าคนที่เป็นต้นเรื่องของทั้งหมดคือ ทางด้าน ดร.โมซัดดิก และ โคมัยนี่ ที่ทำให้ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ นั้นสูญสิ้นไปในแผ่นดินอิหร่าน และคนที่สืบทอดเจตนารมณ์ นั้นต่อก็คือ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี นั่นเอง ในสมัยที่อิหร่านมีกษัตริย์ช่วงสุดท้าย ช่วงนั้นสหรัฐฯ เข้าไปสนับสนุนราชวงศ์ อย่างหนักเพราะตนเองได้ประโยชน์จากอิหร่านอย่างมาก สหรัฐฯไปหนุนราชวงศ์ปาห์ลาวีมาโดยตลอด และราชวงศ์นี้ครองอิหร่านได้ไม่นานปรากฎว่ามีทรัพย์สินรวมกันมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นเหตุให้หลายกลุ่มไม่พอใจ นอกจากนั้นแล้วการกระทำของราชวงศ์ดังกล่าวนั้นก็สวนทางกับสิ่งที่รัฐอิสลามควรจะเป็น เช่นการประกาศพาประเทศเป็นแบบตะวันตก การยกเลิกคัมภีร์อัลกุรอานในการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในสภาท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการส่งทหารไปยิงนักศึกษาในสถานศึกษาที่ทางด้านโคมัยนี สอนอยู่ด้วย แม้มีการเจรจา ให้ทางด้านราชวศ์ปาห์ลาวี เปลี่ยนพฤติกรรม แต่ก็ไม่เป็นผล และท้ายที่สุดก็ถูกโค่นล้ม และเปลียนการปกครองมาจนทุกวันนี้ และตั้งแต่ปี 1979 สหรัฐฯ ก็หมดอำนาจ ในอิหร่าน
สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ เท่านั้น แต่การจ้องล้มอิหร่านครั้งนี้ เพื่อต้องการ จัดการกับทางด้าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ให้พ้นทางของสหรัฐฯ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราจะเห็นสื่อตะวันตกประโคมข่าวถึงสถานการณ์ภายในอิหร่านว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งไม่พอใจ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี และ ชาวอิหร่านกำลังยากจนลง แต่นักการเมือง และผู้นำกลับร่ำรวยขึ้น ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นทางของสหรัฐฯ ที่จะสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนอิหร่าน และท้ายที่สุดออกมาร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อโค่นล้มอำนาจการปกครองอีกครั้ง และถ้าทำได้สหรัฐฯ ก็จะหนุนคนที่ตัวเองสามารถควบคุมได้ขึ้นมาเป็นผู้นำแทน เพื่อกลับเข้าไปหาผลประโยชน์อีกครั้ง แต่ทว่าเรื่องไฟดังกล่าวนั้นจุดไม่ติด ประชาชนคนอิหร่าน ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่สื่อตะวันตก และสหรัฐฯ ประโคมข่าว จนท้ายที่สุดนำมาซึ่งสหรัหฐฯ ต้องเดินเกมใหม่ คืออ้างเรื่องนิวเคลียร์ แล้วก็ถอนตัว ออกมา คว่ำบาตรผู้นำ และวันนี้ก็สร้างเรื่องความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเกิดสงคราม ขึ้นมา ก็จะเป็นเหตุให้ประชาชนส่วนหนึ่งนั้นได้รับผลประกระทบโดยตรง แน่นอนว่าเป้าหมายคือผู้นำต้องรับผิดชอบ หากพาประเทศไปสู่สงคราม สู่ความขัดแย้ง สู่ความอดอยาก ดังนั้น วันนี้เป้าใหญ่ของสหรัฐฯ คือกำจัด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ให้พ้นทาง เพื่อไม่ขวางผลประโยช์ของสหรัฐฯอีกต่อไป

logoline