เกษตรฯหวั่นภัยแล้งฉุดผลผลิตข้าวต่ำเป้า

อธิบดีกรมการข้าว ประสงค์ ประไพตระกูล ระบุ ภัยแล้งที่เกิดขึ้นจะกระทบนาข้าวมากที่สุด จากปัจจุบันที่เริ่มเพาะปลูกไปแล้ว 39-40 ล้านไร่ ต้นข้าวยังอ่อนอยู่มากจึงต้องการน้ำ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งน้ำฝน ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกอีกครั้งในเดือนสิงหาคมนี้ จะเป็นโอกาสเดียวของการทำนา ปี 2562/63 เกษตรกรต้องปลูกให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 12 สิงหาคมนี้เท่านั้น ทั้งข้าวไวแสง และไม่ไวแสง หากเลยระยะเวลานี้ไป ในส่วนของข้าวไวแสงเช่น ข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิอาจไม่ให้ผลผลิต ส่วนข้าวไม่ไวแสงแม้จะให้ผลผลิตได้แต่ก็จะเสี่ยงไม่มีน้ำ

ขณะที่พื้นที่ปลูกข้าวของไทยปีนี้อาจทำได้เพียง 40 ล้านไร่ ต่ำกว่าแผนข้าวครบวงจร ที่กำหนดไว้ 58 ล้านไร่ โดย 40 ล้านไร่ที่มีอยู่อาจได้รับความเสียหายในอนาคต กรณีฝนตกไม่ทั่วถึง ซึ่งต้องดูสถานการณ์ฝนในเดือนสิงหาคมอีกครั้ง เบื้องต้นพบว่าพื้นที่เสี่ยงข้าวเสียหายมากที่สุด คือ ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวที่มากที่สุดของประเทศ

จากประมาณการผลผลิตข้าวปีนี้จะมี 32-34 ล้านตันข้าวเปลือก แต่จากสถานการณ์ภัยแล้ง อาจไม่ได้ผลผลิตตามเป้า แต่การที่ปริมาณข้าวลดลง อาจช่วยกระตุ้นราคาให้สูงขึ้น หากไทยสามารถรักษาพื้นที่ปลูกข้าว 40 ล้านไร่ให้รอดตายได้ก็จะเป็นโอกาสทางด้านราคา
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ผลกระทบจากภัยแล้งนอกฤดูกาลระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมนี้ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตข้าวนาปีเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้เกิดมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น  0.1% ของ GDP 

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ภัยแล้งนอกฤดูกาลที่อาจลากยาวได้อีกในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคมนี้ ซึ่งอาจกระทบต่อปริมาณผลผลิตข้าวนาปีที่จะออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ด้านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ระบุ ภัยแล้งอาจกระทบผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังและนาปี และอาจกระทบการส่งออกข้าวไทยในปีนี้ ซึ่งกระทรวงฯตั้งเป้าหมายไว้ 10 ล้านตัน ซึ่งหลังการแภลงนโยบายของรัฐบาล จะเร่งหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ส่งออกข้าว เพื่อกำหนดแนวทางการดูแลและผลักดันการส่งออกข้าวต่อไป แต่ในขณะนี้ยังไม่อาจระบุได้ว่าจะลดเป้าหมายเหลือ 9-9.5 ล้านตันตามที่เอกชนประเมินหรือไม่