ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 เห็นว่าผู้ร้องได้ใช้สิทธิร้องต่ออัยการสูงสุด เพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง แล้ว แต่อัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการภายใน 35 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ กรณีดังกล่าวจึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 99 วรรคสาม ที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย แจ้งให้ผู้ร้องทราบ ส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้ง 4 ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
ต่อมา วันที่ 21 กรกฎาคมหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ ระบุถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับวินิจฉัยคำร้อง ว่าพรรคอนาคตใหม่ล้มล้างการปกครอง ว่า หากดูตามคำร้องที่ส่งไปยัง ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามมาตรา 49 แล้ว ใกล้ที่สุดที่ศาลรัฐธรรมนูญจะทำได้คือการสั่งให้พรรคอนาคตใหม่ยุติการกระทำดังกล่าว ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะยุบพรรคจากคำร้องนี้จึงอยากให้ประชาชนทุกคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ไว้วางใจว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจนี้ อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีคำร้องนี้เกิดขึ้นทำให้ประชาชนจำนวนมาก เข้าใจว่าคำร้องนี้จะนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่หมายความว่า ประชาชนไม่มีความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการยุบพรรคหรือใช้กระบวนการยุติธรรม มาเล่นงานพรรคการเมือง ที่มีจุดยืนต้านการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ จึงขอตั้งคำถามว่าทำไมประชาชนจึงคิดเห็นแบบนั้น ศาลต่างๆมีความที่ทำจริงหรือไม่
นอกจากนี้นายธนาธรยังบอกถึงที่มาของปัญหาของประเทศ ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ว่า เป็นเรื่องของอำนาจ พรรคอนาคตใหม่เชื่อว่าอำนาจเป็นของประชาชน แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ให้อำนาจแก่ประชาชน กลับให้อำนาจต่อการสืบทอดอำนาจของคสช และกลไกการสืบทอดอำนาจของคสช.ต่างๆถูกสร้างขึ้น ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ และพรรคอนาคตใหม่ก็เชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้มีศักยภาพมากมาย เพียงแต่การดำรงอยู่ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้กดทับศักยภาพของประเทศ ไม่ให้ได้ไปไกลกว่านี้
ทั้งนี้ นายธนาธรบอกเพิ่มเติมว่าพรรคอนาคตใหม่และพรรคร่วมฝ่ายค้าน พร้อมที่จะต่อสู้กับการทำรัฐประหารถ้าเกิดว่ามีขึ้นในอนาคต
ล่าสุด ได้มีการเผยแพร่คลิป "ธนาธร" วิจารณ์มาตราในรัฐธรรมนูญปี 50 ข้อที่ว่า รัฐต้องส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ ได้เผยคลิปวิดีโอ ผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyanซึ่งในคลิปมีคำพูดคร่าวๆว่า "โดยเนื้อแท้แล้ว คือ การบอกกับประชาชนว่า คุณอย่าริอาจข้ามชนชั้น มึงเป็นชาวนาก็ชาวนาไป เป็นไพร่ก็เป็นไพร่ต่อไป อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง ความโลกและความอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นกิเลสตัณหาและเป็นสิ่งชั่วร้าย ซึ่งขัดกับศีลธรรมอันดีงามในสังคมไทย"
โดยดร.ศุภณัฐ ได้โพสต์ข้อความระบุด้วยว่า...
เรียน ศาลรัฐธรรมนูญ/ ผู้บัญชาการทหารบก/ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ#นาทีแรกห้ามพลาด
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9
>>> เป็นองค์ความรู้ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก
>>> โดยในวันที่วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ในขณะนั้น
>>> ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ และทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์" (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
>>> ในฐานะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมุ่งมั่นบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของปวงชนชาวไทย จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกผ่านหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
*****และคงจะมีแต่คนที่มี...ความคิดที่เป็นอกุศล...ต่อ...สถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นที่จะ...บิดเบือนให้ร้าย...ต่อ...สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ถึงเพียงนี้... (กรุณาตั้งใจดูวิดีโออันนี้เอาเองครับ...ท่านจะทราบแนวคิดทุกมิติ...ว่าอุดมการณ์ของเขา...คือ...อะไร?)*****
>>> ข้าพเจ้า นาย ศุภณัฐ อภิญญาณ
ขอใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนไทยแสดงความประสงค์ที่จะยื่นหลักฐานชิ้นนี้...ต่อ...
>>> ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นเครื่องประกอบการพิจารณาความผิดในฐานล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
>>> ท่านผู้บัญชาการทหารบกผู้มีหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ในฐานะจอมทัพไทย และประชาชน และเพื่อเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางราชการ (ดูให้จบแล้ว...ท่านบัญชาการทหารบก จะได้ทราบข้อมูลว่าทำไมบุคคลคนนี้มีปัญหากับทหารมากมายนัก)
>>> ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายภายใต้ระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ดร.ศุภณัฐ
23 กรกฎาคม พ.ศ.2562
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ
อ้างอิง...การถวายรางวัล "ความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์" (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการกล่าวเชิดชูหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้อย่างชัดเจนใน อ้างอิงที่ 3 ตามบันทึกเหตุการณ์ขององค์การสหประชาชาติ
อ้างอิง 1 http://www.ourking.in.th/Project/Detail.aspx?v=704
อ้างอิง 2 https://tinyurl.com/y3wyldor
อ้างอิง 3 https://tinyurl.com/y257fs2u
อ้างอิง...คลิปที่ได้ทำการเสนอนี้...เป็นส่วนหนึ่งของ...การบันทึกการบรรยาย...งานเสวนาวิชาการ "กลุ่มพลังประชาธิปไตยในช่วงเปลี่ยนผ่าน" จัดโดย สถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย ณ ห้องการะเวก โรงแรมโกลเด้นทิวลิป พระราม ๙ เมื่อวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2555
ล่าสุดดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ อาจารย์และนักวิชาการด้านสถาปัตยกรรม ปรัชญาการเมืองและศาสนา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โพสต์เฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith เกี่ยวกับคลิปดังกล่าว โดยระบุว่า...
#ถอดความคิดและคำพูดธนาธรเศรษฐกิจพอเพียง คือ การกดขี่ไม่ให้คนรวยขึ้น ห้ามคนยกระดับฐานะและชนชั้น เพราะถือเป็นเรื่องชั่วร้าย?
-------------------------
คำพูดของธนาธรตั้งแต่ปี 2555
-------------------------
- คลิปนี้หลายคนคงไม่เคยฟังกัน เป็นคลิปตั้งแต่ปี 2555 ที่เวลานั้น สาวกอนาคตใหม่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักธนาธร และเวลานี้ได้ฟังก็อาจจะแปลกใจ รวมถึงไม่ค่อยเชื่อ
(แต่คนที่รู้จักและต่อสู้กับขบวนการเสื้อแดงสายต่อต้านสถาบันกษัตริย์มาตลอดเป็นสิบปี รู้จักธนาธรกันทุกคน และไม่ได้แปลกใจอะไร)
- ธนาธรวิจารณ์มาตราในรัฐธรรมนูญปี 50 ในมาตราที่ว่า รัฐต้องส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงว่า...
"โดยเนื้อแท้แล้ว คือ การบอกกับประชาชนว่า คุณอย่าริอาจข้ามชนชั้น มึงเป็นชาวนาก็ชาวนาไป เป็นไพร่ก็เป็นไพร่ต่อไป อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง ความโลภและความอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นกิเลสตัณหาและเป็นสิ่งชั่วร้าย ซึ่งขัดกับศีลธรรมอันดีงามในสังคมไทย"
-------------------------
โจมตีทุน-ราชการ-ทหาร ก็ทำไป
แต่อย่ามั่วเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
และเอามาโจมตีแนวคิดในหลวง ร.9
-------------------------
- ในคลิปนี้ ประเด็นที่ธนาธรตีพวกทหาร อำมาตย์ ผู้มีอำนาจ ระบบราชการ ทุนใหญ่ที่เอาเปรียบชาวบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องผมเห็นด้วย และคิดว่าคนในสังคมจำนวนมากก็เห็นด้วย
(คือไม่ขัดแย้งอะไรและคิดว่าเป็นเรื่องถูกต้องที่จะหยิบมาพูดให้สังคมไทยเห็นและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น)
- แต่สิ่งที่ธนาธรบิดเบือนก็คือ สาระของ #เศรษฐกิจพอเพียง นั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ธนาธรบิดเบือนให้ดูเป็นการห้ามให้คนร่ำรวย ห้ามมีความอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น หรือยกระดับฐานะ ฯลฯ
ซึ่งเป็นการบิดเบือนที่น่ารังเกียจ!!
- เพราะเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้มีความหมายใกล้เคียงกับสิ่งที่ธนาธรและนักวิชาการบางกลุ่มพูด/บิดเบือน มาตลอดเลย
#พอเพียง = มีพอเพียงต่อการดำรงชีวิตก่อน
แล้วค่อยพัฒนาไปตามลำดับขั้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ใช่ห้ามมี ห้ามลงทุน ห้ามพัฒนา ห้ามยกระดับ
แบบที่ธนาธรบิดเบือนเพื่อโจมตีแนวคิดในหลวง!!
-------------------------
รู้จักเศรษฐกิจพอเพียงกันให้ถูกต้อง
-------------------------
- เศรษฐกิจพอเพียง เกิดจากปัญหาของฝ่ายการเมืองที่ตีกันจนเละเทะมาตลอดหลายสิบปี ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่น้อยคนนักที่จะมาพัฒนาชีวิตของชาวบ้านอย่างยั่งยืน
- ในหลวง ร.9 ท่านจึงเดินสายแก้ปัญหาของประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกรในประเทศตั้งแต่เมื่อ 40-50 ปี ก่อน ในเวลาที่อีสานยังไม่เขียว ภาคเหนือยังเป็นเขาหัวโล้นและแหล่งต้นน้ำยังมีน้อยกว่าปัจจุบัน
- โดยแนวคิดด้านเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาพร้อมกับการทดลองแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรที่เรียกว่า...
#เกษตรทฤษฎีใหม่
- ซึ่งเกิดจากการที่พระองค์เล็งเห็นว่า ราษฎรไทยส่วนใหญ่ทำการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าว แต่ราษฎรยังยากจน
- เนื่องจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ไม่แน่นอน รวมถึงปัญหาด้านขลประทาน การขาดแคลนน้ำในการทำเกษตรในหลายพื้นที่
- พระองค์จึงได้ทรงริเริ่มแนวคิดว่า ทำอย่างไรให้ปลูกข้าวแล้วมีความมั่นคงมากขึ้น ก็ทรงเห็นว่า ปลูกพืชเชิงเดี่ยวหรือข้าวอย่างเดียวไม่พอ แต่ชาวบ้านจะอยู่ได้ ต้องมี ข้าว-ปลา-อาหาร-หมู-เห็ด-เป็ด-ไก่-พืชสมุนไพร
แต่พูดเชิงแนวคิดใครๆ ก็พูดได้!!
- แต่เวลาที่ชาวบ้านจะเอาไปปฏิบัตินั้น ต้องการตัวอย่างที่ทำให้เห็นและให้พวกเขาได้ลองทำตาม ท่านจึงทดลองในแปลงเกษตรของท่านอยู่นานพอสมควร โดยหลักการเบื้องต้นคือ
1. มีนาปลูกข้าว
2. มีแปลงผักสวนครัว
3. มีการเลี้ยงสัตว์ไว้กินเนื้อ
4. มีการขุดบ่อเพื่อกักน้ำไว้ใช้
โดยเริ่มฐานสูตรจากข้อมูลเชิงสถิติที่ว่า ชาวนาไทย (ในเวลานั้น) มีที่ดินเฉลี่ยประมาณ 15 ไร่ ท่านจึงเอาตัวเลขนี้มาเป็นฐานในการทดลอง
- โดยคำนวนด้วยว่าครอบครัวโดยเฉลี่ยพอ่แม่ลูก 2 คน รวม 4 ชีวิต ปกติ จะต้องกินข้าวและอาหารประมาณเท่าไรต่อปี จึงจะคำนวนได้ว่าที่นาที่ปลูกข้าวมีปริมาณพอหรือไม่
- จากนั้นจึงคำนวนต่อว่า ในแต่ละปี ฝนจะตกประมาณกี่วัน โดยเฉพาะ ในแต่ละวันน้ำจะลดลงไปจากหน้าตัดผิวบ่อ วันละกี่ ซม. จากนั้นจึงได้ตัวเลขว่า ชาวบ้านควรมีน้ำเท่าไรไว้ใช้ในขนาดที่ดินดังกล่าว
จนออกมาเป็นสูตร 3-3-3-1
- คือปลุกข้าว 3 ส่วน เก็บน้ำ 3 ส่วน พืชสวนครัวและสัตว์ 3 ส่วน ที่เหลือ 1 ส่วนคือบ้านที่ใช้พักอาศัย (ถ้าที่ดินแปลงใหญ่กว่านี้ก็เอาสูตรนี้ไประยุกต์ได้)
- เมื่อทดลองจนสำเร็จและลองให้ชาวบ้านนำไปใช้ จนเห็นผล ท่านจึงทรงเห็นว่า แนวทางนี้ดี เพราะทำให้ประชาชนโดยเฉพาะชาวนาและเกษตรกร ยืนได้ ไม่ลำบากยากจน และมีชีวิตที่มั่นคง
#มีพอเพียงกับการดำรงชีวิตพื้นฐาน
----------------------
จากพอเพียงขยับไปสู่การพัฒนา
----------------------
- หลังจากที่ทรงสำเร็จในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ ท่านจึงเล็งเห็นว่าถ้าประชาชนที่เป็นเกษตรกรทำได้เช่นนี้ เมื่อมีสิ่งต่างๆ #พอเพียงกับการดำรงชีวิต ไม่เป็นหนี้เป็นสิน ไม่ยากจนข้นแค้น
ต่อไปก็จะพัฒนาคุณภาพชีวิตได้เป็นลำดับขั้น
- จาก "มีพอเพียง" สำหรับใช้เองในครัวเรือน ก็ขยายต่อไปถึงการทำขาย แต่ก็ต้องเป็นการทำที่มีเหตุผล ประมาณตนในการพัฒนา ถ้าจะกู้ยืมก็ต้องกู้ยืมในลักษณะที่มีกำลังจ่ายคืนได้
- ไม่ใช่โลภ เห็นคนอื่นรวย เห็นเศรษฐฐีมีเงินเยอะๆ แล้วอยากทำตาม แล้วถูกสอนมาผิดๆ ว่ายิ่งกู้เงินเยอะ ก็เอามาทำธุรกิจแล้วรวยได้ โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจทางธุรกิจหรือด้านที่จะลงทุนดีพอ ซึ่งสุดท้ายก็จะเจ๊งแล้วกลายเป็นหนี้เป็นสิน
- ดังนั้นท่านจึงใช้ตัวอย่างเหล่านี้ ร่างหลักคิดในการ "พัฒนา" ทรัพยากรของประเทศ ทั้งทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ และทุนต่างๆ ดังนี้
1. ความพอประมาณ (Moderation)
2. ความมีเหตุมีผล (Reasonable)
3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดี (Prudence)
คือ จะทำอะไรต้องมีเหตุผล รู้ถึงที่มา รู้ถึงข้อมูลสำคัญ รู้ว่าทำไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ในขณะเดียวกันต้องประเมินกำลังของตนในเวลานั้น ว่าสามารถขยับอะไรได้มากขึ้น
- แท้ที่จริงแล้ว หลักการเช่นนี้ บรรดาเศรษฐีหรือเจ้าสัวหลายคนในประเทศ (ซึ่งน่าจะรวมถึงครอบครัวของธนาธรด้วย) ก็ใช้วิธีคิดเหล่านี้ในการทำธุรกิจจนมั่นคงและร่ำรวย
- เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ออกมาเขียนหรือออกมาพูดบอกคนได้ทั่วประเทศได้รับทราบก็เท่านั้นเอง (ผมดูรายการที่สัมภาษณ์เศรษฐีที่สร้างตัวมาเยอะ แทบจะทุกคนพูดทำนองเดียวกันหมด)
- ในหลวง ร.9 ท่านจึงทรงริเริ่มนำหลักการบริหารนี้มาสอนให้กับ "ราษฎรทั้งแผ่นดิน" เพื่อให้ประชาชนมีเหตุมีผล มีความพอประมาณเดิน "ทางสายกลาง" ไม่สุดโต่ง และสุดท้ายมีภูมิคุ้มกัน
- เมื่อไม่จน ไม่เจ็บ และมีทุกอย่างพอเพียงกับการดำรงชีวิต ก็จะคิดถึงเรื่องการสร้างความมั่งคั่งต่อไปได้ในอนาคตเป็นลำดับนั่นเอง!!
-------------------------
การพัฒนาประเทศเริ่มจากพื้นฐานที่มั่นคง
และค่อยสร้างเศรษฐกิจที่สูงขึ้นตามลำดับ
-------------------------
"การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมีพอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา
เมื่อได้พื้นฐานมั่นคงพร้อมพอควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจชั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป"
*** พระบรมราโชวาทของในหลวง ร.9 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น 20 ธันวาคม 2516
-------------------------
รางวัลจากสหประชาชาติ
-------------------------
- นอกจากนี้ ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 นายโคฟี อานัน เลขาธิการสหประชาชาติในเวลานั้น ได้ให้รางวัลการพัฒนามนุษย์แก่ในหลวง ร.9
- โดยระบุว่า แนวคิดและโครงการของพระองค์ยังประโยชน์แก่ผู้คนนับล้าน และ ช่วยทำให้ชาวโลกหันกลับมามองแนวทาง #การพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่นนี้อีกครั้ง ในเวลาที่โลกกำลังประสบปัญหาเรื่องของทุนนิยมที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก
อ้างอิงจากเวปไซท์สหประชาชาติ:
https://www.un.org/press/en/2006/sgsm10479.doc.htm
-------------------------
*** สุดท้ายนี้ ธนาธรและพรรคพวกอีกจำนวนมาก จะโจมตีระบบราชการ ระบบทุน ทหาร-ตำรวจ ก็ทำไป หลายประเด็นเราไม่ได้ขัดแย้ง และเห็นตรงกันด้วยว่าควรต้องเปลี่ยนแปลงเสียใหม่
*** แต่การพูดในทำนองให้ประชาชนเข้าใจว่าระบบเหล่านี้มาจากความผิดของสถาบันกษัตริย์ และหาทางดิสเครดิตทุกอย่างที่ในหลวง ร.9 ท่านทำเพื่อราษฎรมาตลอดทั้งชีวิตของท่านนั้น
ถือเป็นเรื่องที่สกปรกและยอมรับไม่ได้!!!
-------------------------
ขอบคุณคลิปจาก ดร.ศุภณัฐ
ที่อุตส่าห์ค้นและนำมาเผยให้สังคมได้ฟัง
https://www.facebook.com/nirvana.aphinyan/videos/2498249003571056/