ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจนพบว่ากลุ่มที่ลงมือก่อเหตุมาด้วยกัน 22 คน ขับขี่รถ จยย. ซ้อนท้ายกันมา 12 คัน ได้มาดักซุ่มรอบริเวณริมถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่บริเวณ กม.2 ก่อนถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังริมถนนบางนา-ตราด กระทั่งกลุ่มผู้ตายขับขี่ รถ จยย.ซ้อน 3 กันมา 2 คัน เมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุพบจึงขับขี่ไล่ตามจนมาถึงจุดเกิดเหตุ ก่อรเริ่มลงมือแล้วพากันหลบหนีนอกจากนี้ทางตำรวจยังมีแนวทางการสืบสวนอีกว่ากลุ่มที่ลงมือก่อเหตุเป็นนักศึกษาสถาบันอาชีวะย่านแพรกษา จ.สมุทรปราการ ได้นัดหมายกลุ่มนักเรียนนักเลงตั้งใจจะมาก่อเหตุทำร้ายคู่อริ ที่เป็นสถาบันอาชีวะ ย่านพระโขนง เนื่องจากก่อนหน้านี้นักศึกษาสถาบันดังกล่าวเคยทำร้ายนักศึกษาสถาบันอาชีวะ ย่านรามคำแหง ซึ่งเป็นสถาบันกลุ่มเพื่อนกัน จึงตั้งใจจะมาเอาคืนให้นั้น แต่มาทราบภายหลังว่ากลุ่มผู้ตายเป็นนักศึกษาของสถาบันอาชีวะ ย่านรามคำแหง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นกลุ่มเพื่อนกัน จึงทำให้เป็นการลงมือก่อเหตุยิงผิดตัว เนื่องด้วยฝ่ายผู้ตายมีคนนุ่งกางเกงสแลคลักษณะขาม้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของฝ่ายคู่อริที่แท้จริง ขณะกลับจากไปส่งเพื่อนร่วมสถาบันที่ซอยลาซาล ก่อนมาถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าวอย่างไรก็ตามทางตำรวจรู้กลุ่มที่ลงมือเหตุแล้วอยู่ระหว่างรวมพยานหลักฐานเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.บางนา และ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล5 สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้เเล้วบางส่วน โดยได้ทำการควบคุมตัวมาทำการสอบปากคำอย่างละเอียด ทั้งนี้ การติดตามจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้ทำการสอบปากคำเพื่อนของผู้ตาย จำนวน 5 คน ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา และทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด CCTV บนถนน บริเวณโรงแรมเมเปิ้ล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบภาพของรถจยย.ที่ใช้ในการก่อเหตุจากนั้นจึงได้ทำการตรวจสอบหมายเลขทะเบียน รถจยย. พร้อมกับการลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนของนักเรียนที่ก่อเหตุ โดยทำการตรวจสอบและไล่รายชื่อ พร้อมกับจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ฯ ไปติดตามยังบ้านพัก เพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางที่เกิดเหตุ พบว่ามีกล้องวงจรปิดของ กทม. จำนวน 4 ตัว ทั้งขาเข้าและขาออก และยังมีกล้องของโรงแรมเมเปิ้ล อีก 1 ตัว ฝั่งขาออก ที่สามารถจับภาพกลุ่มนักเรียน ระหว่างขี่รถจักรยายนต์ขับหลบหนีเอาไว้ได้ และจากการคำให้การของพนักงานรักษาความปลอดภัย ที่เข้าเวรบริเวณใกล้เคียง ได้ให้รายละเอียดว่า ช่วงระหว่างเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิดปิงปองดังเป็นระยะๆ จากบริเวณทางเข้าถนนบางนา-ตราด ที่กลุ่มนักเรียนที่ก่อเหตุได้ขับขี่รถจยย.ไล่ติดตามนักเรียนคู่อริ ตั้งแต่เซ็นทรัลบางนา ไปจนถึงจุดที่ คู่กรณีถูกยิงเสียชีวิตขณะที่นายสม (นามสมมติ) วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เล่าว่า กลุ่มนักเรียนที่ก่อเหตุ จะขี่รถจยย.มาด้วยกันคันละ 2 คน และจะขี่รถจยย. ไล่ติดตามกลุ่มนักเรียนที่เสียชีวิตมาอย่างกระชั้นชิด โดยมีทั้งดาบ มีด ระเบิดปิงปอง และปืน ซึ่งเมื่อขับถึงที่เกิดเหตุ รถจยย.ของคู่อริเกิดเสียหลักล้ม จากนั้นจึงถูกนักที่ไล่ติดตามมาใช้อาวุธปืนยิง หลังจากก่อเหตุแล้วได้ขับหลบหนี โดยขับย้อนกลับไปทางเดิมออกเส้นทางบางนา-ตราด ผ่านไปทาง กม.4.5ทางด้าน พ.ต.อ. นคร ทองพานิช ผู้กำกับ สน.บางนา เปิดเผยเพียงสั้นๆว่า คดีนักเรียนใช้อาวุธปืนยิงกันนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ฯ จะเป็นผู้แถลงความคืบหน้าของคดีนี้อีกครั้ง
พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.น.5 และชุดสืบสวนนครบาล ประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี เบื้องต้น พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางนา ระบุถึงความคืบหน้าว่า ตั้งแต่เกิดเหตุในช่วงเย็นวานนี้ จนถึงขณะนี้มีการเรียกสอบพยานในคดีไปแล้วบางส่วน เบื้องต้นทราบว่าเป็นคู่กรณีระหว่างนักศึกษาสถาบันอาชีวะย่านหัวหมาก กับนักศึกษาสถาบันอาชีวะในพื้นที่จ.สมุทรปราการ ซึ่งในส่วนของผู้เสียชีวิต เป็นนักศึกษาจากสถาบันย่านหัวหมาก ซึ่งขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยว่า เป็นการยิงผิดตัวหรือไม่ ต้องรอการรายงานต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในที่ประชุมวันนี้ก่อน
ส่วนมาตรการป้องกันเหตุนักเรียนอาชีวะก่อเหตุในพื้นที่ของ สน.บางนา ได้กำชับให้สายตรวจเพิ่มความเข้ม ในการตรวจสอบตามจุดเสี่ยง ซึ่งขณะนี้จากการตรวจสอบประวัติในหลายๆคดีที่เกิดขึ้น พบว่า มีประมาณ 4 จุด คือ หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาบางนา , แยกบางนา , ย่านซอยลาซาลแบริ่ง และย่านอุดมสุข โดยช่วงเวลาที่มักจะเกิดเหตุคือช่วงเย็น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมักเป็นจุดรวมตัวของกลุ่มนักเรียนอาชีวะกลุ่มต่างๆ รวมถึงเป็นเส้นทางที่ใช้เดินทางไปกลับระหว่างบ้านพัก และสถาบัน ซึ่งต่อจากนี้อาจจะต้องประสานขอความร่วมมือกับทางสถาบันต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุลักษณะแบบนี้ขึ้นอีก