จากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงที่ส่งผลกระทบต่อการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง นั้น ล่าสุด พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก กองทัพภาคที่ 1 , 2 และ 3 ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนและสนับสนุนทุกภาคส่วนในการแก้ไขวิกฤติฝนทิ้งช่วงอย่างเต็มที่และเร่งด่วน เน้นช่วยเหลือในลักษณะแบบรวมการในพื้นที่วิกฤติ ด้วยการระดมศักยภาพของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเครื่องมือและข้อมูล เพื่อเร่งจัดหาแหล่งน้ำและส่งน้ำจากแหล่งน้ำไปแจกจ่ายให้ประชาชนที่เดือดร้อน ทั้งด้านอุปโภค บริโภค และพื้นที่ทางการเกษตร
ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้สั่งการให้ มณฑลทหารบก เป็นหน่วยหลักในการบูรณาการเครื่องมือและแผนการปฏิบัติของหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ประสบภัยแล้ง เพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือแบบรวมการตามลำดับความเร่งด่วนอย่างเต็มความสามารถ เช่น การระดมรถบรรทุกน้ำของหน่วย พร้อมกำลังพลและเครื่องมือเข้าไปแจกจ่ายน้ำในพื้นที่วิกฤติ พื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร ที่ส่วนราชการอื่นเข้าให้การช่วยเหลือได้ยาก ซึ่งขณะนี้มณฑลทหารบกได้สำรวจพื้นที่วิกฤติและจัดลำดับความเร่งด่วนของพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลือไว้แล้ว โดยในภาคเหนือ ได้แก่ พิจิตร กำแพงเพชร พะเยา สุโขทัย ลำปาง ส่วนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ มหาสารคาม เลย บุรีรัมย์ สุรินทร์ ยโสธร ศรีสะเกษ ขอนแก่น นครราชสีมา เป็นต้น
นอกจากนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ยังได้จัดตั้ง "ศูนย์ติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง" เป็นการเฉพาะ ตั้งแต่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงในขณะนี้ และเป็นส่วนประสานการปฏิบัติกับทุกส่วนราชการในการนำนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม มาสู่การปฏิบัติให้เกิดผลโดยทันทีและตรงกับความเดือดร้อนของประชาชน
สำหรับการประสานงานในระดับพื้นที่นั้น กองทัพบกได้จัดเตรียมรถบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร จำนวน 279 คัน ที่ประจำอยู่ในหน่วยทหารของกองทัพบกทั่วประเทศ พร้อมให้การสนับสนุนผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อร่วมปฏิบัติกับรถน้ำจากภาคส่วนต่างๆ ในการออกแจกจ่ายน้ำช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยแล้งเร่งด่วนตามแผนงานของทางจังหวัดอีกด้วย