svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ใครกันแน่ ตัวสร้างปัญหาอ่าวเปอร์เซีย

22 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตอนนี้สถานการณ์ของช่องแคบฮอร์มุซ และ อ่าวเปอร์เซีย ดูว่าจะยุติลงได้ยากมากขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็โยนกันว่าเป็นตัวสร้างปัญหาให้ลุกลามบานปลาย ดังนั้นวันนี้ถ้าพิเคราะห์จากเหตุการณ์และสถานการณ์ แล้วก็เกิดคำถามว่า ใครกันแน่ที่เป็นตัวสร้างปัญหา ให้มันยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และใครกันแน่ที่จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น ระหว่าง อิหร่าน หรือสหรัฐฯ

เวลานี้ทั้งโลกกำลังจับตามองสถานการณ์บริเวณอ่าวเปอร์เซีย อย่างใกล้ชิดหลังจากที่ทางด้านกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน หรือไออาร์จีซี ได้ออกแถลงถึงสาเหตุการยึดเรือ สเตนา อิมเพโร ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ 19 กรกฎาคม 2562 และนำไปกักไว้ที่ท่าเรือ บันดาร์ อับบาส เนื่องจากเรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าวเพิกเฉยต่อสัญญาณขอความช่วยเหลือ รวมทั้งปิดอุปกรณ์รับส่งสัญญาณหลังชนกับเรือประมงลำหนึ่งของอิหร่าน ซึ่งถือว่าละเมิดกฎการเดินเรือระหว่างประเทศในอ่าวฮอร์มุซ
กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน หรือไออาร์จีซี ยังได้เปิดเผยคลิปปฏิบัติการยึดเรือสเตนา อิมเพโร ที่เผยให้เห็นเร็วสำหรับลาดตระเวน หลายลำขับขนาบ นอกจากนั้นยังมีทหาร 6 นายสวมหน้ากากปิดหน้าพร้อมอาวุธโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ลงไปยังเรือลำดังกล่าว ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับที่อังกฤษใช้ตอนยึดเรือเกรซ วัน ของอิหร่านบริเวณช่องแคบยิบรอลตาร์ ก่อนหน้านี้ และทางอังกฤษได้ตั้งข้อหาว่าเรือลำดังกล่าวได้ละเมิดมาตรการแซงก์ชั่นซีเรีย ของทางสหภาพยุโรป
สำหรับเรือสเตนา อิมเพโรเป็นของสเตนา บัลก์ของสวีเดน ลูกเรือ 23 คนประกอบด้วยชาวอินเดีย 18 คน, รัสเซีย 3 คน, แลตเวียและฟิลิปปินส์ชาติละ 1 คน
ในขณะที่ทางด้านอิหร่านได้เปิดศึกกับทางด้านอังกฤษทันที หลังจากที่เรือเกรซ วัน ถูกควบคุมเอาไว้ว่าพวกเขาพร้อมที่จะยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษเช่นกัน และท้ายที่สุดอิหร่านก็ทำให้เห็นว่าไม่ได้แค่พูดเท่านั้น และลงมือทำให้เห็นทันทีเมื่อมีโอกาส
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการรับมือเหตุฉุกเฉินของอังกฤษเมื่อวันเสาร์ ที่ 20 กรกฎาคม 2562 โดยนายเจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวหาอิหร่านกำลังตอบโต้เรื่องการยึดเรือ และสำทับว่าเรือเกรซ วัน ถูกยึดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่เรือสเตนา อิมเพโรถูกยึดในน่านน้ำโอมาน เป็นการฝ่าฝืนกฎระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ก่อนถูกบังคับให้แล่นไปยังอิหร่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง
นายเจเรมี ฮันต์ ยังได้แสดงถึงความรู้สึกผิดหวังระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน และอังกฤษได้เรียกตัวอุปทูตอิหร่านเข้าพบเพื่อรับฟังการประท้วง ขณะที่ซารีฟบอกกับฮันต์ว่า เรือสเตนา อิมเพโรจะถูกกักไว้จนกว่ากระบวนการทางกฎหมายจะแล้วเสร็จ
ขณะที่ทางด้านเยอรมนีและฝรั่งเศสเรียกร้องให้อิหร่านปล่อยเรือของอังกฤษ ทางเยอรมนีเตือนว่า การกระทำดังกล่าวเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้วกลับรุนแรงมากยิ่งขึ้นและอาจจะนำไปสู่การปะทะขึ้นได้ในอนาคตซึ่งทางสหภาพยุโรปรู้สึกกังวลกับเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกับทางด้าน โฆษกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ร่วมประณามการกระทำของอิหร่าน โดยระบุว่า เป็นการท้าทายเสรีภาพในการเดินเรือระหว่างประเทศ และสมาชิกนาโตทั้งหมดกังวลกับการบ่อนทำลายเสถียรภาพของอิหร่าน
ทางด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สิ่งที่เขาเคยบอกว่าอิหร่านคือตัวปัญหาสำหรับตะวันออกกลางอย่างแท้จริง และวันนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอิหร่านนั้นคือตัวสร้างปัญหา
ในขณะที่อิหร่านนั้นก็ยังคงไม่สนใจต่อคำวิจารณ์จากสหภาพยุโรป หรือแม้กระทั้งทางด้านสหรัฐฯ โดยทางด้าน โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ยืนยันว่าการยึดเรือสเตนา อิมเพโรเพื่อสนับสนุนกฎการเดินเรือระหว่างประเทศ และรับประกันความปลอดภัยในอ่าวเปอร์เซียและช่องแคบฮอร์มุซ พร้อมเตือนให้อังกฤษหยุดสมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐฯ ในการก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบีย ศัตรูสำคัญของอิหร่าน เปิดเผยว่า อนุญาตให้กองกำลังของสหรัฐฯ กลับเข้าประจำการณ์อีกครั้งเพื่อส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยของตะวันออกกลาง ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กำลังส่งทหารและยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งไปยังซาอุฯ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากที่สหรัฐฯ ได้เดินหน้าบุกอิรักในปี 2003 และย้ำว่า การดำเนินการนี้เป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯในตะวันออกกลางเท่านั้น ไม่มีเจตนาที่จะรุกรานชาติใดในภูมิภาคดังกล่าว
ส่วนทางด้านกองทัพสหรัฐฯ สำทับว่า เครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพกำลังติดตามสถานการณ์ในช่องแคบฮอร์มุซ และประกาศความพยายามทางทะเลระหว่างประเทศเพื่อรับประกันเสรีภาพในการเดินเรือในน่านน้ำสำคัญนี้
ตอนนี้สถานการณ์ของช่องแคบฮอร์มุซ และ อ่าวเปอร์เซีย ดูว่าจะยุติลงได้ยากมากขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็โยนกันว่าเป็นตัวสร้างปัญหาให้ลุกลามบานปลาย ดังนั้นวันนี้ถ้าพิเคราะห์จากเหตุการณ์และสถานการณ์ แล้วก็เกิดคำถามว่า ใครกันแน่ที่เป็นตัวสร้างปัญหา ให้มันยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และใครกันแน่ที่จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น ระหว่าง อิหร่าน หรือสหรัฐฯ

logoline