svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เทวัญ พร้อมแจงถือหุ้นสื่อ โอนคืนกลับให้แม่แล้ว

22 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เทวัญ พร้อมชี้แจงกรณีถือครองหุ้นสื่อ หากถูกอภิปรายในสภา ย้ำเป็นมรดกที่แม่ให้มา แต่โอนคืนกลับไปหมดแล้ว ยืนยันไม่เคยประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ เตรียมยื่นบัญชี ป.ป.ช.

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการแถลงโยบายของรัฐบาลที่จะมีขึ้นวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ว่า ตนเพิ่งได้รับเอกสารนโยบายรัฐบาลเมื่อวานนี้ และในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา จะเรียกประชุมพรรควันพรุ่งนี้ เพื่อหารือว่าสมาชิกคนใดจะขออภิปราย เบื้องต้นมี นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา ซึ่งก็จะขอเวลาจากทางรัฐสภาต่อไป ทั้งนี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ได้ให้คำแนะนำในด้านการทำงานต่างๆ มาโดยตลอด
ส่วนกรณีที่จะถูกอภิปรายคุณสมบัติจากการถือหุ้นสื่อนั้น นายเทวัญ ชี้แจงว่า การจดทะเบียนการทำธุรกิจที่กระทรวงพาณิชย์ มีแบบฟอร์มให้กรอกแบบกว้างๆ และเป็นหุ้นที่แม่ให้มา ซึ่งบริษัทนี้ไม่ได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับสื่อ แต่เป็นการซื้อที่ดินมาประมาณ 30 ปีแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งไปดูในงบดุลได้ทั้งรายรับ-รายจ่ายได้ ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับโฆษณาหรือสื่อสิ่งพิมพ์ คือเป็นการเก็บที่ดินไว้เฉยๆ ซึ่งทุกวันนี้เมื่อคุณแม่เห็นข่าวดังกล่าวก็ร้องไห้ทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อนำไปชี้แจงหากมีการอภิปรายในระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาล 
ขณะเดียวกันได้มีการขอขยายระยะเวลาชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ออกไปอีก 20 วัน โดยเป็นการเตรียมหลักฐานการเงิน งบดุลต่างๆ ในการประกอบกิจการมาตลอด 30 ปี ซึ่งไม่มีสิ่งใดเกี่ยวพันกับสื่อ ไม่ว่าจะเป็นรายรับหรือรายจ่าย
สำหรับการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. นั้น นายเทวัญ บอกว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะยื่นในส่วนของการเป็น ส.ส. หลังจากนั้นอีก 10 กว่าวัน จะยื่นในตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเหตุที่ต้องยื่นบัญชี 2ครั้ง เนื่องจากในระหว่างการเป็น ส.ส. ยังมีเรื่องหุ้นอยู่ จากนั้นได้โอนคืนให้มารดา ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกมนตรี อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา มีการนำเงินไปใช้บางส่วน ทำให้รายรับ-รายจ่ายมีการเปลี่ยนแปลง
และในวันนี้ นายเทวัญ ได้ปฎิบัติภารกิจแรก  โดยเป็นประธานเปิดการรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค ตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคพุทธศักราช 2562  โดยองค์กรผู้บริโภคที่ได้รับการประกาศสถานะแล้ว มีสิทธิ์เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 150 องค์กร และจะได้มีการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการทำงานคู่ขนานไปกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่รัฐบาลจะให้งบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อให้ผู้บริโภคมีความเข้มแข็งสามารถร้องเรียนสิทธิต่างๆได้

logoline