svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รวบหนุ่มอ่างทอง รุมทำร้ายคู่อริ-ฉกโทรศัพท์หนี

21 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กองปราบรวบหนุ่มอ่างทอง รวมกับพวกดักรอเหยื่อลงจากรถบริษัทหลังเลิกงานเข้ารุมทำร้ายก่อนฉกโทรศัพท์หลบหนี ขณะที่เจ้าตัวปฎิเสธอ้างไม่ได้หยิบโทรศัพท์ไป แต่ร่วมกันทำร้ายจริง ไม่รู้่ตัวว่าถูกออกหมายจับ

วันที่ 21 กรกฎาคม มีรายงานว่า  พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.  ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ป. และเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าจับกุมตัว นายพิษณุ โต๊ะเหม อายุ 39 ปี ชาวตำบลบ้านอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทอง  ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 151/2562 ลงวันที่ 22 พ.ค.2562 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม , ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจับกุมได้ที่บริเวณ หมู่ที่ 2 ต.บ้านอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทอง


รวบหนุ่มอ่างทอง รุมทำร้ายคู่อริ-ฉกโทรศัพท์หนี




การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก  นายบุรี หรือนายบอล  ผู้ต้องหาที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ได้มีความแค้นส่วนตัวกับผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2561 นายบอล ได้ชวน นายพลพัฒน์ หรือนายพัฒน์ ผู้ต้องหาอีกคนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ และ นายพิษณุ หรือนายบอย ไปกินเลี้ยงวันเกิดที่บ้านเพื่อนของนายบอล บริเวณวัดท่าอิฐ ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทอง หลังจากนั้นประมาณเที่ยงคืน ได้เดินทางกลับ โดยนายบอลขี่รถจักรยานยนต์และมีนายพัฒน์และนายบอยนั่งมาด้วย ระหว่างทางบริเวณวัดใหม่ปากบาง ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้พบ ผู้เสียหายกำลังลงจากรถของบริษัทที่มาส่งหลังจากเลิกงาน จึงได้ไปทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย และล้วงเอาโทรศัพท์จากผู้เสียหายไป ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มหาราช ได้จับกุมนายบอล และนายพัฒน์ ได้มามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ขณะที่ นายพิษณุ ได้หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. และ สภ.มหาราช ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจนพบเบาะแสว่าผู้ต้องหาหลบมาอาศัยอยู่ที่บ้านญาติ ใน ต.บ้านอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทอง และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้


รวบหนุ่มอ่างทอง รุมทำร้ายคู่อริ-ฉกโทรศัพท์หนี




จากการสอบสวนนายพิษณุ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนนำโทรศัพท์ของผู้เสียหายไป แต่รับว่าในวันเกิดเหตุได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายจริง โดยที่หลังจากกลับจากบ้านของเพื่อนนายบอล ระหว่างนั้นนายบอลบังเอิญเห็นผู้เสียหายกำลังลงจากรถของบริษัทที่มาส่งหลังจากเลิกงานจึงชี้ให้พวกตนดู ตนเองได้ให้นายบอลรออยู่ และตนได้ไปกับนายพัฒน์ ดักซุ่มคอยผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายเดินมาถึง ตนและนายพัฒน์ ได้เข้าไปทำร้าย ผู้เสียหายวิ่งหนีไปในป่าหญ้านายบอลได้วิ่งตามไป นายพัฒน์ ได้ลงไปร่วมกันทำร้าย ส่วนตนอยู่บนรถจักรยานยนต์รอรับ นายบอลและนายพัฒน์ ขึ้นรถ แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป และไม่ทราบว่าใครเป็นคนขโมยโทรศัพท์ผู้เสียหาย  ภายหลังเกิดเหตุตนเองได้ไปทำงาน และพักอาศัยอยู่ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่ทราบว่ามีหมายจับ เพิ่งมาทราบภายหลังที่ถูกตำรวจ กองปราบ และ สภ.มหาราชเข้าจับกุม

logoline