"ปัจจุบัน กรมฯ ได้ผลักดันให้มีฟาร์ม เอ้าท์เล็ตแล้ว66 แห่งใน 39 จังหวัด ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 73 แห่งในปีนี้ ครอบคลุม 46 จังหวัดซึ่งจะทำให้เกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าชุมชน มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นเพราะในอดีตที่ผ่านมา เมื่อผลิตได้ แต่ไม่มีตลาดจำหน่าย ทำให้ถูกกดราคา แต่ฟาร์มเอ้าท์เล็ต ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ทำให้เกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าชุมชนมีที่ขาย มีรายเพิ่มขึ้น ส่วนผู้บริโภคก็ซื้อสินค้าคุณภาพดี ได้ในราคาที่ไม่แพง เพราะไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางโดยคาดว่าปีนี้ ยอดจำหน่ายสินค้าภายในฟาร์ม เอ้าท์เล็ต น่าจะสูงถึง 500 ล้านบาท"นายวิชัยกล่าว
ทั้งนี้ กรมฯยังจะมีแผนที่จะเชื่อมโยงตลาดระหว่างฟาร์ม เอ้าท์เล็ตกับผู้จำหน่ายและผู้ใช้สินค้า โดยจะร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า เช่น บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เซ็นทรัลฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท ไอคอนสยาม จำกัดเป็นต้น ที่เปิดพื้นขายให้กับสินค้าเกษตรไทย และร่วมมือกับสมาคมภัตตาคารไทย สมาคมเดอะเชฟสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมเชฟแห่งประเทศไทยเพื่อซื้อวัตถุดิบจากฟาร์ม เอ้าท์เล็ต เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาหาร
นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัยผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภาพลักษณ์ กล่าวว่า ฟาร์ม เอาท์เล็ตเปิดดำเนินการมานานกว่า 10 ปีบางศูนย์ยังขาดจุดดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและบางศูนย์การบริหารจัดการยังไม่เป็นระบบและไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคอย่างกว้างขวางจึงต้องทำการปรับโฉมฟาร์ม เอ้าท์เล็ตใหม่ เพื่อให้ดึงดูดผู้ซื้อซึ่งก่อนที่จะทำการปรับโฉม ได้มีการสำรวจความคิดเห็นทั้งเกษตรกร สถาบันเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน ผู้ที่สนใจจะเป็นผู้ประกอบการและตัวแทนผู้ประกอบการรวมถึงผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าในฟาร์ม เอ้าท์เล็ตมาแล้ว