ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้สำนักเลขาธิการอาเซียนได้แสดงความกังวลว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ 4IRจะส่งผลให้กว่าร้อยละ50 ของแรงงานในประเทศสมาชิกอาเซียนถูกแทนที่โดยระบบอัตโนมัติในทางกลับกันเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่พัฒนาขึ้น อาจทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องการแรงงานใหม่ๆเพื่อทำงานในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ประชุมจึงได้ระดมความเห็นถึงจุดแข็ง จุดอ่อน และความพร้อมของอาเซียนใน 5ประเด็น ได้แก่ 1.นวัตกรรมและเทคโนโลยี 2. ทรัพยากรมนุษย์ 3. กรอบกฎระเบียบ 4.ความเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐาน และ 5. การเจริญเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืนเพื่อหารือถึงความท้าทายและเสนอแนวทางในการรับมือร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นพ้องว่าอาเซียนจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง1. การประสานการทำงานระหว่างสาขาและระหว่างเสาเพื่อให้การทำงานสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันและเอื้อประโยชน์ต่อกัน 2.การแบ่งปันข้อมูลการดำเนินงานของแต่ละสาขาให้ได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงและพร้อมเพรียงเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และ 3.การกำหนดยุทธศาสตร์ของอาเซียนเพื่อรับมือกับ 4IR นอกจากนี้ สำหรับคณะทำงานรายสาขาของอาเซียน ที่ประชุมเห็นว่าอาจต้องเตรียมความพร้อมด้าน4IR เช่นวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ผู้ประกอบการขนาดเล็กและรายย่อย ทรัพย์สินทางปัญญาการคุ้มครองผู้บริโภค อาหาร เกษตรและป่าไม้ เป็นต้น
ปัจจุบันขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ7 ของ GDP ของอาเซียน หรือ2.9 ล้านล้านดอลลาร์ คาดว่าในปี 2568 เศรษฐกิจดิจิทัลจะช่วยให้มูลค่า GDP ของอาเซียนเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์