นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "กัญชาเสรี เพื่อการแพทย์" โดยมีประชาชนลงทะเบียนมาร่วมฟังจำนวนมาก รวมทั้งหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข อาทิ กรมอนามัย กรมการแพทย์แผนไทย นอกจากนี้ยังมีการแพทย์ทหารบก นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มสนับสนุนนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย พร้อมชูป้ายข้อความสนับสนุน
นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยได้ให้สัญญากับประชาชนในการผลักดันกัญชาเพื่อรักษาผู้ป่วยและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ยืนยันนโยบายนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยการสัมมนาวันนี้ รู้สึกตื่นเต้นที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และพลังของประชาชนจะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันกัญชาให้ถูกกฎหมาย พร้อมขอบคุณปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่นำทีมบุคลากรข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข มาร่วมงานสัมมนาในวันนี้
จึงขอให้มั่นใจได้ว่า นโยบายนี้จะเป็นกัญชาของประชาชน ที่ไม่ได้ทำเพื่อบันเทิงหรือสันทนาการ แต่จะมุ่งเน้นเรื่องการรักษาโรค ดูแลสุขภาพคนไทย พัฒนาการแพทย์เป็นหลัก ซึ่งกัญชาต้องเป็นยารักษาโรคที่ถูกกฎหมาย เป็นประโยชน์กับคนไทยอย่างเท่าเทียม ถูกบรรจุไว้ในสิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคและประกันสังคม เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และไม่ใช่การดูแลผลประโยชน์ของบริษัทผลิตยา
ซึ่งนโยบายกัญชาได้ถูกบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ขอให้รอนายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้ ทั้งนี้ หากทำได้สำเร็จ กัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนด้วยความมั่นคงและแข็งแรง แต่หากทำไม่ได้ พรรคก็ต้องสูญพันธ์ุ
ขณะที่ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวปาถกฐาหัวข้อ "กัญชา เปลี่ยนโลก" โดยชี้ให้เห็นถึงรากเหง้าสารเคมีที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ และจากการตรวจสอบผัก ผลไม้ พบสารตกค้างเกินมาตรฐานถึง 41% โดยเฉพาะผักในห้างสรรพสินค้า แย่กว่าผักตลาดสด ที่พบสารห้ามใช้ในประเทศไทยตกค้างถึง 12 ชนิด ทำให้คนไทยวนเวียนอยู่กับสารเคมีอันตราย และทำให้คนเป็นโรคป่วยตายเพิ่มมากขึ้นทุกปี พร้อมกันนี้ ยังเปรียบเทียบว่ายาที่ผลิตโดยบริษัทเอกชน คนไข้ต้องจ่ายในราคาสูง 30,000-40,000 บาท ต่อคนต่อเดือน แต่น้ำมันกัญชาขวดนี้ มีราคา 400-500 บาท ดังนั้น เจตนารมณ์ก็คือ การทำกัญชาเสรีเพื่อคนยากไร้ที่สุด และเป็นสมบัติของคนไทยทุกคนอย่างไรก็ตาม 12 องค์กร อาทิ มูลนิธิข้าวขวัญ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิสุขภาพไทย มหาวิทยาลัยรังสิต และเครือข่ายผู้ป่วย ยังได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน สนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อให้หมอพื้นบ้านเดชา ศิริภัทร ใช้รักษาผู้ป่วยกรณีจำเป็นเฉพาะรายได้ อย่างต่อเนื่องและทันต่อความต้องการของผู้ป่วย พร้อมเรียกร้องต่อนายอนุทิน ให้ใช้อำนาจบริหารระหว่างที่ยังไม่ได้แก้ไขกฎหมาย เพื่อเปิดทางให้แพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านที่ผ่านการอบรมความรู้กัญชาจากกรมแพทย์แผนไทยฯ แล้ว ให้สามารถปลูกและผลิตยากัญชาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยตามหลักธรรมจรรยาได้ โดยไม่ชักช้า