1.การปรับหลักเกณฑ์มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทในส่วนของยอดคงค้างบัญชีเงินฝากสกุลบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non-resident: NR) ทั้ง Non-resident Baht Account forSecurities (NRBS) และบัญชี Non-resident Baht Account(NRBA) ให้เข้มขึ้น โดยบัญชี NRBS คือบัญชีเงินบาทของNon-resident (NR) ที่เปิดไว้กับสถาบันการเงินในประเทศไทยเพื่อการลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารทางการเงินและบัญชี NRBA คือบัญชีที่เปิดไว้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆทั่วไป เช่น การชำระค่าสินค้าและบริการ
อย่างไรก็ดีบัญชีเงินบาทข้างต้นในบางครั้งถูกใช้เป็นช่องทางพักเงินระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะช่วงที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น เพื่อลดช่องทางดังกล่าว ธปท.จึงปรับเกณฑ์ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชี NRBS และNRBA ให้ลดลง จากเดิมกำหนดไว้ที่ 300ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาทต่อราย NR ต่อประเภทบัญชีโดยกำหนดให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป กรณีบัญชีที่มียอดคงค้างเกินกว่า 200ล้านบาท ให้สถาบันการเงินดำเนินการให้ NR เจ้าของบัญชีปรับลดยอดคงค้างภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ NR ซึ่งไม่ใช่สถาบันการเงินและไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินที่มีการค้าการลงทุนกับคู่ค้าในประเทศไทยและมีการชำระหรือรับชำระกับคู่ค้าเป็นสกุลบาทสามารถยื่นขออนุญาต ธปท. เพื่อขอผ่อนผันยอดคงค้างในบัญชี NRBA ได้เป็นรายกรณีโดย ธปท. จะพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม
2.การยกระดับการรายงานข้อมูลการถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติให้ลึกขึ้นถึงระดับชื่อของผู้ได้รับผลประโยชน์แท้จริง(Ultimate Beneficiary Owners) เพื่อติดตามพฤติกรรมการลงทุนในตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะเพื่อใช้เป็นที่พักเงินระยะสั้นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์แนวโน้มและกำหนดนโยบายหรือมาตรการเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศในระยะต่อไปทั้งนี้ กำหนดให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่งวดการรายงานข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2562เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ธปท.จะติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิดและพร้อมดำเนินมาตรการที่เตรียมไว้เพิ่มเติมหากยังพบพฤติกรรมการเก็งกำไรค่าเงินบาทในระยะต่อไป