สำหรับ "ผู้กองนัส" ต้องบอกว่า "พลิกร้อยตลบ" กับตำแหน่งรัฐมนตรีที่ได้มา ในฐานะ "มือเคลียร์" ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กูรูการเมืองหลายคนเชื่อว่าเป็นการสับขาหลอกของ บิ๊กตู่ ตั้งแต่มีชื่อเข้าไปที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทั่งมีข่าวส่งน้องชายมานั่งแทน จากนั้นก็มีข่าวที่กระทรวงแรงงาน โดยเจ้าตัวเข้ามานั่งเอง กระทั่งสุดท้ายข่าวว่าชื่อหลุดโผ แต่แล้วก็มีชื่อติดที่กระทรวงเกษตรฯ
สำหรับกระทรวงเกษตรฯ แต่เดิมเป็นยอดปรารถนาของ คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ถึงขนาดออกมาแถลงว่า ถ้าไม่ได้คงต้องร้องไห้ เพราะหวังจะผลักดันนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ แต่ภายหลังกระทรวงนี้ก็ตกอยู่ในมือพรรคประชาธิปัตย์ ทว่าก็ไม่ใช่ได้ไปยกกระทรวง เพราะมีรัฐมนตรีช่วยเข้าไปแซม จากภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา สุดท้ายพลังประชารัฐก็เข้าไปเสียบอีก 1 เก้าอี้ นั่นก็คือ "ผู้กองนัส" ซึ่งเปรียบเหมือนตัวแทนนายกฯ กับ "บิ๊กป้อม" รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงนั่นเองกระทรวงเกษตรเป็นกระทรวงขนาดใหญ่ เป็นกระทรวงระดับ "เอบวก" ได้รับการจัดสรรงบประมาณระดับแสนล้าน โดยในปี 62 ได้งบไปกว่า 2 แสนล้านบาท
หน้างานของกระทรวงเกษตรฯ เป็นงานที่ใกล้ชิดและเข้าถึงประชาชนรากหญ้า ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะเกษตรกร ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ตลอดไปถึงผู้ประกอบอาชีพกสิกรรม เลี้ยงหมู ไก่ เป็ด โค และประมง ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมารัฐบาล คสช. ทุ่มเทแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรมากมายหลายโครงการ ทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว เช่น การแก้ไขปัญหาราคายางพารา ราคาปาล์ม และพืชเศรษฐกิจแทบทุกตัว สำหรับรัฐบาลใหม่ก็ชัดเจนว่า กระทรวงเกษตรฯเป็นกระทรวงหนึ่งที่จะเป็นช่องทางในการสร้างผลงาน โดยเฉพาะการผลักดันราคาพืชผล ถ้าทำได้ โอกาสได้คะแนนนิยมเพิ่มก็มีสูง เรียกว่าเป็นกระทรวงการเมืองกระทรวงหนึ่งเลยทีเดียว
ดังนั้นการส่ง "ผู้กองนัส" เข้าไปร่วมเป็น 1 ใน 4 ของรัฐมนตรีเกษตรฯ สะท้อนให้เห็นถึง "ชั้นเชิงการเมือง" ที่ไม่ธรรมดาของนายกฯลุงตู่ เพราะเท่ากับเป็นการวางตัวขุนพลคนสนิทเข้าไปสร้างดุลอำนาจในการบริหารงานของพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมขับเคลื่อนนโยบายในนามของ พลเอกประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ แก้ปัญหาพี่น้องเกษตรกร ตามวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0หากจะแปลความตามมุมการเมืองอีกนัยหนึ่ง ก็คือเป็นการเตรียมพร้อมสร้างฐานเสียงและคะแนนนิยม เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป บนความไม่แน่นอนของสภาเสียงปริ่มน้ำ