ลุ้น!...สภาโหวตชี้ขาดปมตั้ง กมธ.พิจารณาข้อบังคับฯ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ เริ่มขึ้นในเวลา 09.30 น.โดยวาระการประชุมจะเป็นการพิจารณาเรื่องที่ค้างมาจากเมื่อวานนี้ คือ เรื่องของร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ประชุมได้มีมติรับหลักการด้วยคะแนนเสียง 461 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง แต่ยังคงค้างอยู่ที่ขั้นตอนของการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างข้อบังคับ ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก ส.ส. พรรคฝ่ายค้านเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาเต็มสภา แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมอยู่ แสดงความเห็นว่าควรตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ เนื่องจากข้อบังคับมีหลายข้อ

หากตั้งกรรมาธิการเต็มสภาจะเสียเวลาในการอภิปรายในสภา แต่ถ้าพิจารณาในคณะกรรมาธิการข้างนอก จะสามารถใช้เวลาได้เต็มที่ และจะทำให้เกิดความรอบคอบมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการตั้งกรรมาธิการพิจารณาเต็มสภาโดยปกติจะใช้กับกฎหมายเร่งด่วนที่มีจำนวนไม่กี่มาตรา แต่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านก็ยังไม่เห็นด้วย และยังมีการต่อว่าประธานสภาฯว่าต้องการถ่วงเวลา หรือกลัวหากลงคะแนนแล้วคะแนนเสียงจะไม่เพียงพอ จากนั้นประธานสภาฯได้แจ้งว่าจะไปหารือกับนายวิเชียร ชวลิต ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมก่อนว่าหากมีการตั้งกรรมาธิการจะใช้เวลาในการแปรญัตติและพิจารณากี่วัน และจะนำคำตอบกลับมาตอบต่อที่ประชุมในวันนี้

นอกจากเรื่องของการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมแล้ว ในวันนี้ช่วงแรกของการประชุมจะเป็นการหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งกำหนดไว้ให้สมาชิกสามารถหารือได้ 30 คน คนละ 2 นาที แบ่งเป็น ส.ส. ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายละ15 คน

ขณะที่วาระการพิจารณาที่ต้องจับตาในวันนี้ คือ ญัตติของ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ที่เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการต่อสัญญาสัมปทานให้บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือที่เรียกกันว่าค่าโง่ทางด่วน ซึ่งเป็นญัตติที่ค้างพิจารณามาหลายสัปดาห์แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายชวน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่าแม้ขณะนี้จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร แต่โดยธรรมเนียมการปฏิบัติทั้วไปเมื่อมีการถวายสัตย์ของคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรจะหยุดการประชุมเพื่อรอการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยเบื้องต้นจะยังคงใช้ห้องประชุมทีโอทีแห่งนี้ในการแถลงนโยบาย